พลังจิตสำนึกแห่งความเป็นพลเมืองสร้างเมืองไทยน่าอยู่
อุปสรรคสำคัญที่สุดที่ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถพัฒนาไปเป็นประเทศที่น่าอยู่คือ โครงสร้างอำนาจ คือการปกครองโดยรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลาง ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองหรือปฏิวัติรัฐประหารใดๆก็เปลี่ยนแต่ผู้ถืออำนาจสูงสุดทางการเมืองข้างบน แต่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงการปกครองแบบรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลาง
อุปสรรคสำคัญที่สุดที่ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถพัฒนาไปเป็นประเทศที่น่าอยู่คือ โครงสร้างอำนาจ คือการปกครองโดยรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลาง ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองหรือปฏิวัติรัฐประหารใดๆก็เปลี่ยนแต่ผู้ถืออำนาจสูงสุดทางการเมืองข้างบน แต่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงการปกครองแบบรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลาง
การรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลางนั้นทำให้เกิดปัญหาใหญ่ๆ อย่างน้อย 6 ประการ คือ1) ชุมชนท้องถิ่นอ่อนแอ 2) เกิดความขัดแย้งระหว่างอำนาจรวมศูนย์กับวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้3) ระบบราชการอ่อนแอ เพราะใช้อำนาจมากกว่าใช้ปัญญา
4) เกิดปัญหาคอร์รัปชันรุนแรง เพราะอำนาจเข้มข้นที่ไหน คอร์รัปชันจะรุนแรงที่นั่น 5) มีการต่อสู้เพื่อให้ได้อำนาจทางการเมืองรุนแรง เพราะเดิมพันสูง ใครชนะกินรวบหมดทั้งประเทศ ทำให้มีการใช้เงินมาก กลายเป็นธนาธิปไตย การเมืองมีคุณภาพต่ำ มีคอร์รัปชันสูง และ 6) ทำรัฐประหารได้ง่าย
ปัญหาทั้ง 6 ประการ เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ และทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง จึงจำเป็นต้องมีการปฏิรูปโครงสร้างอำนาจ
เรื่องการกระจายอำนาจการปกครองนั้นพูดกันมานานแล้ว แต่ยังไม่เกิดขึ้นอย่างได้มรรคได้ผล เพราะติดอยู่กับความเคยชินของระบบกฎหมาย ความคิด จิตสำนึกของการรวมศูนย์อำนาจของรัฐที่มีมากว่า 100 ปี
มาจนถึงขณะนี้ จึงได้เกิดปรากฏการณ์“ไม่รอ” อีกต่อไป คือไม่รอให้มีการกระจายอำนาจมาให้ แต่ชุมชน ท้องถิ่น จังหวัด ลงมือจัดการตนเอง หรือที่เรียกว่า ชุมชนจัดการตนเอง ท้องถิ่นจัดการตนเอง จังหวัดจัดการตนเอง อันหมายถึงคนในชุมชน ท้องถิ่น จังหวัด รวมตัวกันจัดการเรื่องราวของตนเอง
เน้นคำว่า “การจัดการ” ไม่ได้เน้นการคิดว่าใครเป็นศัตรูแล้วคิดโค่นล้มทำลายศัตรู ซึ่งเป็นการคิดเชิงอำนาจ ในสังคมที่ซับซ้อนและยาก การใช้อำนาจไม่ได้ผล แต่ทำให้เกิดความยุ่งยากมากขึ้น ไม่ว่าทำโดยฝ่ายใดก็ตาม
แนวคิดเรื่องการจัดการตนเองจึงเป็นแนวคิดที่สำคัญ
ในสังคมปัจจุบัน ซึ่งเป็นสังคมที่ซับซ้อนและยาก อำนาจรวมศูนย์ใช้ไม่ได้ผล ต้องเปิดพื้นที่ทางสังคมและพื้นที่ทางปัญญาอย่างกว้างขวาง เปลี่ยนจากสังคมปิด (ด้วยอำนาจ) เป็นสังคมเปิด สังคมเปิดที่คนไทยทุกคนเป็นพลเมือง ร่วมกันสร้างประเทศไทย พลังพลเมืองจะเป็นพลังที่สร้างประเทศไทยให้เป็นประเทศที่น่าอยู่ได้สำเร็จ ไม่ใช่อำนาจอื่น แต่เป็น “พลังพลเมือง” ที่จะทำเรื่องยากได้สำเร็จ
คำว่า “พลเมือง” มีความหมายต่างไปจากคำว่า ราษฎร ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน หรือประชาชน โดยขบวนการสมัชชาปฏิรูปได้ให้คำนิยามว่า “พลเมือง หมายถึง ผู้คนที่ตื่นรู้ มีความตระหนักในส่วนรวม มีจิตสาธารณะที่รวมตัวกันคิดและทำสิ่งต่างๆ เพื่อส่วนรวม อันเป็นพลังสำคัญของแผ่นดิน”
ในสังคมถ้ามีคนที่ทำการเป็นเอกเทศโดยไม่คำนึงถึงส่วนรวมมากเท่าใด สังคมก็จะเสียสมดุลมากเท่านั้น เจ็บป่วย และวิกฤต ประดุจคนเป็นมะเร็ง
การมีเฉพาะแต่จิตสำนึกต่อตัวเอง ต่อพรรค ต่อพวก ต่อสถาบัน ต่อวิชาชีพ โดยไม่มีจิตสำนึกต่อส่วนรวมนั้น จึงไม่เพียงพอที่จะทำให้สังคมเป็นปกติสุข
ดังนั้น ความเป็นพลเมือง ซึ่งหมายถึงการที่สมาชิกมีจิตสำนึกในส่วนรวม ทำเพื่อส่วนรวม รับผิดชอบต่อส่วนรวม จึงสำคัญยิ่งต่อความเป็นปกติสุขของการอยู่ร่วมกัน
ฉะนั้น ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใดๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักวิชาการ นักธุรกิจ ตุลาการ นักการเมือง ก็มีสำนึกในความเป็นพลเมืองได้ นั่นคือมีจิตสำนึกในส่วนรวม ทำเพื่อส่วนรวม รับผิดชอบต่อส่วนรวม
ความเป็นพลเมืองจึงเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากที่ก้าวข้ามข้อจำกัดในความคับแคบแห่งตัวกูของกูไปสู่ส่วนรวมหรือทั้งหมด มีแต่ศักยภาพแห่งความเป็นมนุษย์เท่านั้นที่จะทำได้
ประชาธิปไตยโดยปราศจากความเข้มแข็งของพลังพลเมือง ไม่สามารถสร้างความอยู่เย็นเป็นสุขได้ อังกฤษและสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศต้นแบบเสรีภาพและประชาธิปไตยแต่บัดนี้ทั้งสองประเทศนี้มีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสุดๆ มีปัญหาทางสุขภาพและสังคมมากมาย ไม่มีความอยู่เย็นเป็นสุข
ลำพังประชาธิปไตยแบบหย่อนบัตรเลือกตั้งเท่านั้นจึงไม่เพียงพอที่จะต้านอำนาจอันมหึมาของทุนนิยมที่เข้ามาทำลายประชาธิปไตย ฉะนั้นวิกฤตการณ์แห่งยุคโลกาภิวัตน์นี้ต้องการพลังพลเมืองที่จะรวมตัว ร่วมคิด ร่วมทำ ในทุกพื้นที่ ในทุกองค์กร และในทุกเรื่อง เพื่อสร้างความถูกต้องเป็นธรรม
พัฒนาการขั้นต่อไปของมนุษย์คือ “ปฏิวัติจิตสำนึก”
การเรียนรู้ทุกชนิด ทุกระดับ และทุกหนทุกแห่ง ควรจะต้องนำไปสู่การสร้างจิตสำนึกแห่งความเป็นพลเมือง สังคมไทยต้องการสัมพันธภาพใหม่และการเรียนรู้ใหม่
เราแต่ละคนต้องมีสำนึกใหม่และช่วยให้เพื่อนคนไทยของเรามีสำนึกใหม่ สำนึกในศักดิ์ศรีและคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ของตัวเราเอง สลัดตัวออกจากมายาคติไปสู่อิสรภาพและศักยภาพว่าเราสามารถคิดอะไรดีๆ ทำอะไรดีๆ มีความเคารพศักดิ์ศรีและคุณค่าความเป็นมนุษย์ของคนทุกคน คำนึงถึงส่วนรวม รวมตัวร่วมคิด ร่วมทำในเรื่องของส่วนรวม
ประเทศไทยที่น่าอยู่เป็นสิ่งที่สร้างได้แน่นอน และคนไทยควรร่วมกันสร้าง พลังที่จะสร้างให้สำเร็จได้มีอย่างเดียวเท่านั้น คือพลังพลเมือง เพราะอนาคตอันใกล้อาจมีความโกลาหล ความโกลาหลอาจมีถึงขนาดที่ทำให้เกิดความสลดสังเวชจนตระหนักว่าความคิดคับแคบเดิมๆไปไม่ไหวแล้ว จึงเกิดระเบิดพลังจิตสำนึกใหม่ คือจิตสำนึกของความเป็นพลเมือง
คนไทยจะต้องมีจิตสำนึกแห่งความเป็นพลเมือง คิดถึงส่วนรวม เพื่อร่วมสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่