posttoday

พระผู้แสดงธรรมได้วิจิตร (2)

28 เมษายน 2556

ท่านผู้อ่านที่เคารพ ต่อจากคราวที่แล้วเรื่องราวของ

ท่านผู้อ่านที่เคารพ ต่อจากคราวที่แล้วเรื่องราวของพระเถระผู้เป็นเอตทัคคะ เป็นเลิศกว่าภิกษุสาวกทั้งหลายในด้าน การเป็นผู้ “แสดงธรรมได้วิจิตร” คือ ท่านพระกุมารกัสสปะ เมื่ออาทิตย์ก่อนได้กล่าวถึงอดีตกรรม คือ บุญกุศลที่ท่านสร้างมาเพื่อปรารถนาจะได้ตำแหน่งความเป็นเลิศในด้านการแสดงธรรมได้วิจิตรไปแล้ว อีกทั้งยังมีเรื่องของท่านที่เกี่ยวข้องกับพระเทวทัตและการที่ท่านโปรดมารดาผู้เป็นภิกษุณี นอกจากนั้นยังได้กล่าวถึงเรื่องการบำเพ็ญบารมีในการบวช โดยเพื่อนภิกษุในสมัยนั้นที่ตั้งใจขึ้นเขาบำเพ็ญสมณธรรมโดยไม่อาลัยในชีวิตนั้น รูปที่ได้เป็นพระอรหันต์ก็ปรินิพพานไป ส่วนรูปที่ได้เป็นพระอนาคามีก็ไปเกิดเป็นพรหม รูปที่ยังไม่บรรลุธรรมก็ได้ไปเกิดในเทวโลกแล้วสุดท้ายก็มาเกิดเป็นมนุษย์ในสมัยพระพุทธเจ้าของเรา

นับว่าท่านพระเถระรูปนี้มีประวัติที่น่าสนใจ การบรรลุธรรมของท่านก็มีเกร็ดน่ารู้ ด้วยเพื่อนภิกษุที่เคยบำเพ็ญสมณะธรรมตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้ากัสสปะบนยอดเขา ภิกษุรูปที่ได้สำเร็จเป็นพระอนาคามี ได้เกิดเป็นพรหมในชั้นสุทธาวาส ก็ได้ระลึกถึงเพื่อนสหธรรมิกที่บำเพ็ญบารมีมาร่วมกัน เมื่อตรวจดูจึงได้เห็นพระกุมารกัสสปะ คิดว่าสหายของเรากำลังลำบากในการเจริญวิปัสสนา เราจักไปแสดงทางแห่งวิปัสสนาแก่เธอ กระทำอุบายให้บรรลุมรรคผล จึงแต่งปัญหาขึ้น 15 ข้อ แล้วไปปรากฏกายในสถานที่อยู่ของพระเถระในเวลาหลังเที่ยงคืน พระเถระเห็นแสงสว่างจากรัศมีของท้าวมหาพรหม จึงถามว่า ใครอยู่ที่นั่น มหาพรหมตอบว่า เราคือพรหมผู้กระทำสมณธรรมกับท่านมาแต่ก่อน บรรลุอนาคามิผลแล้วบังเกิดในพรหมโลกชั้นสุทธาวาส พระเถระถามว่า ท่านมาด้วยการงานอะไรเล่า มหาพรหมบอกปัญหาเหล่านั้น แล้วกล่าวว่า ท่านจงเล่าเรียนปัญหาเหล่านี้ เมื่ออรุณขึ้นก็จงเข้าไปเฝ้าพระตถาคตถวายบังคมแล้วทูลถามด้วยว่า นอกจากพระตถาคตแล้ว ผู้อื่นที่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ไม่มี แล้วก็กลับไปยังพรหมโลกตามเดิม วันรุ่งขึ้นพระเถระจึงเข้าไปเฝ้าพระศาสดาถวายบังคมแล้ว ทูลถามปัญหาตามที่มหาพรหมได้กล่าวไว้ ดังนี้

ดูกรภิกษุ จอมปลวกนี้พ่นควันในกลางคืน ลุกโพลงในกลางวัน พราหมณ์ได้กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะเจ้าจงเอาศาสตราไปขุดดู สุเมธะเอาศาสตราขุดลงไป ได้เห็นลิ่มสลักจึงเรียนว่า ลิ่มสลักขอรับ พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะเจ้าจงยกลิ่มสลักขึ้นเอาศาสตราขุดดู สุเมธะเอาศาสตราขุดลงไป ได้เห็นอึ่ง จึงเรียนว่าอึ่งขอรับ พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะเจ้าจงยกอึ่งขึ้น เอาศาสตราขุดดู สุเมธะเอาศาสตราขุดลง ได้เห็นทาง 2 แพร่ง จึงเรียนว่าทาง 2 แพร่งขอรับ พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะเจ้าจงก่นทาง 2 แพร่งเสีย เอาศาสตราขุดดู สุเมธะเอาศาสตราขุดลงไป ได้เห็นหม้อกรองน้ำด่าง จึงเรียนว่าหม้อกรองน้ำด่างขอรับ พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะเจ้าจงยกหม้อกรองน้ำด่างขึ้น เอาศาสตราขุดลง สุเมธะเอาศาสตราขุดลงไปได้เห็นเต่า จึงเรียนว่าเต่าขอรับ พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะเจ้าจงยกเต่าขึ้น เอาศาสตราขุดดู สุเมธะเอาศาสตราขุดลงไป ได้เห็นเขียงหั่นเนื้อ จึงเรียนว่าเขียงหั่นเนื้อขอรับ พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะเจ้าจงยกเขียงหั่นเนื้อขึ้น เอาศาสตราขุดดู สุเมธะเอาศาสตราขุดลงไปได้เห็นชิ้นเนื้อ จึงเรียนว่าชิ้นเนื้อขอรับ พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะเจ้าจงยกชิ้นเนื้อขึ้น เอาศาสตราขุดดู สุเมธะเอาศาสตราขุดลงไปได้เห็นนาค จึงเรียนว่านาคขอรับ พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่านาคจงอยู่ เจ้าอย่าเบียดเบียนนาคเลย จงทำความนอบน้อมต่อนาค

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ

(1) อะไรหนอ ชื่อว่าจอมปลวก

(2) อย่างไรชื่อว่าพ่นควันในกลางคืน

(3) อย่างไรชื่อว่าลุกโพลงในกลางวัน

(4) อะไรชื่อว่าพราหมณ์

(5) (5) อะไรชื่อว่า สุเมธะ

(6) อะไรชื่อว่าศาสตรา

(7) อย่างไรชื่อว่าการขุด

(8) อะไรชื่อว่าลิ่มสลัก

(9) อะไรชื่อว่าอึ่ง

(10) อะไรชื่อว่าทาง 2 แพร่ง

(11) อะไรชื่อว่าหม้อกรองน้ำด่าง

(12) อะไรชื่อว่าเต่า

(13) อะไรชื่อว่าเขียงหั่นเนื้อ

(14) อะไรชื่อว่าชิ้นเนื้อ

(15) อะไรชื่อว่านาค

พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ขอนำมาโดยย่อ ดังนี้

ดูกรภิกษุ จอมปลวกนั่นเป็นชื่อของกายนี้ อันประกอบด้วยมหาภูตรูป 4 มี มารดาบิดาเป็นแดนเกิด เจริญด้วยข้าวสุกและขนมกุมมาส ไม่เที่ยง ต้องอบรม ต้องนวดฟั้น มีอันทำลายและกระจัดกระจายไปเป็นธรรมดา ชื่อว่าพ่นควันในกลางคืน ได้แก่ การที่บุคคลปรารภการงานในกลางวัน แล้วตรึกถึง ตรองถึงในกลางคืน ชื่อว่าลุกโพลงในกลางวัน ได้แก่การที่บุคคลตรึกถึงตรองถึง (การงาน) ในกลางคืน แล้วย่อมประกอบการงานในกลางวัน ด้วยกาย ด้วยวาจา พราหมณ์ เป็นชื่อของพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า สุเมธะ เป็นชื่อของเสขภิกษุ ศาสตรา เป็นชื่อของปัญญาอันประเสริฐ จงขุด เป็นชื่อของการปรารภความเพียร ลิ่มสลัก เป็นชื่อของอวิชชาอธิบายดังนี้ พ่อสุเมธะเจ้าจงใช้ปัญญาเพียงดั่งศาสตรา ยกลิ่มสลักขึ้น คือจงละอวิชชาเสีย จงขุดมันขึ้นเสีย อึ่ง เป็นชื่อแห่งความคับแค้นด้วยอำนาจความโกรธ อธิบายดังนี้ พ่อสุเมธะเจ้าจงใช้ปัญญาเพียงดั่งศาสตรายกอึ่งขึ้นเสีย คือจงละความคับแค้นด้วยอำนาจความโกรธเสีย จงขุดมันเสีย ทาง 2 แพร่ง เป็นชื่อแห่งวิจิกิจฉา อธิบายดังนี้ พ่อสุเมธะเจ้าจงใช้ปัญญาเพียงดังศาสตราก่นทาง 2 แพร่งเสีย คือจงละวิจิกิจฉาเสีย จงขุดมันเสีย หม้อกรองน้ำด่าง เป็นชื่อของนิวรณ์ 5 คือ กามฉันทนิวรณ์ พยาบาทนิวรณ์ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจกุกกุจจนิวรณ์ วิจิกิจฉานิวรณ์ อธิบายดังนี้ พ่อสุเมธะเจ้าจงใช้ปัญญาเพียงดังศาสตรา ยกหม้อกรองน้ำด่างขึ้นเสีย คือจงละนิวรณ์ 5 เสีย จงขุดขึ้นเสีย เต่า เป็นชื่อของอุปาทานขันธ์ 5 คือ รูปูปาทานขันธ์ เวทนูปาทานขันธ์ สัญญูปาทานขันธ์ สังขารูปาทานขันธ์ วิญญาณูปาทานขันธ์ อธิบายดังนี้ พ่อสุเมธะเจ้าจงใช้ปัญญาเพียงดังศสาตรา ยกเต่าขึ้นเสีย คือ จงละอุปาทานขันธ์ 5 เสีย จงขุดขึ้นเสีย เขียงหั่นเนื้อ เป็นชื่อของกามคุณ 5 คือ รูปอันจะพึงรู้แจ้งด้วยจักษุ น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เป็นรูปที่น่ารัก ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด เสียงอันจะพึงรู้แจ้งด้วยโสต กลิ่นอันจะพึงรู้แจ้งด้วยฆานะ รสอันจะพึงรู้แจ้งด้วยชิวหา โผฏฐัพพะอันจะพึงรู้แจ้งด้วยกายน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เป็นรูปที่น่ารัก ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด อธิบายดังนี้ พ่อสุเมธะเจ้าจงใช้ปัญญาเพียงดังศาสตรา ยกเขียงหั่นเนื้อเสีย คือ จงละกามคุณ 5 เสีย จงขุดขึ้นเสีย ชิ้นเนื้อ เป็นชื่อของนันทิราคะ อธิบายดังนี้ พ่อสุเมธะ เจ้าจงใช้ปัญญาเพียงดังศาสตรา ยกชิ้นเนื้อขึ้นเสีย คือ จงละนันทิราคะ จงขุดขึ้นเสีย นาค เป็นชื่อของภิกษุผู้ขีณาสพ อธิบายดังนี้ นาคจงหยุดอยู่เถิด เจ้าอย่าเบียดเบียนนาค จงทำความนอบน้อมต่อนาคดังนี้

พระเถระเล่าเรียนโดยทำนองที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ไปป่าอันธวันเจริญวิปัสสนาแก่กล้า ก็บรรลุพระอรหันต์ เรื่องราวยังมีต่ออาทิตย์หน้า

บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นอิงหลักธรรมะ ท่านสามารถส่งคำถาม หรือข้อติชม ทาง e-mail มาได้ที่ [email protected]