รวบแล้วโจรงัดตู้เอทีเอ็มกรุงไทยศรีสะเกษ
ตำรวจชุดสืบสวนรวบคนร้ายงัดเอทีเอ็มธนาคารกรุงไทยเบญจลักษ์ สารภาพร่วมลงมือ 6 คน ยึดเงินคืนได้กว่า 2 ล้านบาท
ตำรวจชุดสืบสวนรวบคนร้ายงัดเอทีเอ็มธนาคารกรุงไทยเบญจลักษ์ สารภาพร่วมลงมือ 6 คน ยึดเงินคืนได้กว่า 2 ล้านบาท
ตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ร่วม 50 นาย นำตัวนายวารุต ทองหยาด อายุ 33 ปี นายพิทักษ์ หรือบ่าว หับลั่น อายุ 34 ปี นางสาวจันทร์เพ็ญ แสนทวีสุข อายุ 27 ปี และนางจีรภา สมคะเนย์ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาคดีงัดตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทยขโมยเงินสดในตู้ไปได้ 4,945,000 บาท เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมา ไปชี้ที่เกิดเหตุทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเบญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษท่ามกลางประชาชนที่ทราบข่าวมามุงดูการทำแผนร่วม 300 คน
พลตำรวจโท เชิด ชูเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 กล่าวว่า หลังจากได้รับรายงานว่ามีเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น ตนจังได้จัดชุดสืบสวนขึ้นมาโดยมอบหมายให้ พลตำรวจตรี สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 เป็นหัวหน้าชุด ร่วมกับชุดสืบสวนภูธรจังหวัดศรีสะเกษและชุดสืบสวนตำรวจภูธรเบญจลักษ์ ทำการสืบสวนติดตามคนร้าย จนกระทั่งทราบว่าผู้ต้องทั้ง 4 คน พร้อมพวกเป็นคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ จึงได้ขออนุมัติศาลจังหวัดกันทรลักษ์ออกหมายจับ และสามารถติดตามจับกุมนายวารุตกับนางจีรภาได้ที่ห้องพักจินเจินรีสอร์ท อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมรถยนต์กระบะอีซูซุ รุ่นดีแม็กซ์ หมายเลขทะเบียน บบ 1156 ชุมพร โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง
ต่อมาติดตามจับกุมนายพิทักษ์หรือบ่าวและนางสาวจันทร์เพ็ญได้ที่ถนนสาสระแก้ว-จันทบุรี อำเภอเขาฉกรรจ์ จังหวัดสระแก้ว จับได้พร้อมรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ส หมายเลขทะเบียน กน 8267 สุราษฎร์ธานี สมุดเงินฝากธนาคาร 2 เล่ม มียอดเงินรวมประมาณ 600,000 บาท ทองรูปพรรณ 9 รายการ รวมน้ำหนัก 22 บาท โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง
ผู้ต้องทั้ง 4 คนรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับพวกอีก 2 คนที่ยังหลบหนี ทราบเพียงชื่อเล่นว่า นายพัน และนายมน ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ทำการงัดตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทยขโมยเงินไปจริง โดยใช้แก๊สเผาฝาตู้ด้านหลัง เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวไปชี้ที่เกิดเหตุทำแผนประกอบคำรับสารภาพ การทำแผนจุดแรกที่คนร้ายเข้าไปตัดฝาตู้เอทีเอ็มด้านหลัง ขโมยกล่องบรรจุธนบัตรออกมานำเงินออก จุดที่สองเป็นจุดที่นำกล่องบรรจุเงินไปทิ้งซึ่งอยู่ในป่าหญ้าที่รกร้างห่างจากจุดตู้เอทีเอ็มประมาณ 300 เมตร และจุดที่สามที่บริเวณอ่างเก็บห้วยตามาย บนทางหลวงหมายเลข 24 ถนนสายโชคชัย-เดชอุดม ซึ่งผู้ต้องหารับว่านำถังแก๊สพร้อมหัวพ่นไฟไปทิ้ง การทำแผนใช้เวลาประมาณ 40 นาที จึงแล้วเสร็จ จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งสี่คนไปควบคุมตัวอยูที่ห้องควบคุมสถานีตำรวจภูธรเบญจลักษ์ และจะได้ติดตามตัวคนร้ายที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีต่อไป