กมธ.มีมติเอกฉันท์แก้รธน.มาตรา68
กมธ.แก้มาตรา68 นัด 203 สส.ถกแปรญัตติ 5-7 มิ.ย. มติเอกฉันท์ขีดเส้น อสส.รับคำร้อง 30 วันก่อนให้สิทธิปปช.ยื่นตรงศาล
กมธ.แก้มาตรา68 นัด 203 สส.ถกแปรญัตติ 5-7 มิ.ย. มติเอกฉันท์ขีดเส้น อสส.รับคำร้อง 30 วันก่อนให้สิทธิปปช.ยื่นตรงศาล
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 68 และมาตรา 237 แถลงว่า คณะกรรมาธิการมีมติเป็นเอกฉันท์ 22 เสียงให้แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 กำหนดให้บุคคลหรือพรรคการเมืองที่กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ผู้ทราบการกระทำมีสิทธิเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุด (อสส.) ตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อตรวจสอบเเล้วเห็นว่าเป็นการกระทำต้องห้าม ให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งให้เลิกการกระทำดังกล่าว
ทั้งนี้ ให้อัยการสูงสุดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับเรื่อง หากไม่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าวให้ผู้ทราบการกระทำมีสิทธิเสนอเรื่องเพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการได้โดยตรง
นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า การประชุมคณะกรรมาธิการครั้งต่อไปจะเป็นการเชิญผู้แปรญัตติ 203 คนเข้าให้ความเห็นต่อที่ประชุม โดยกำหนดวันนัดหมายผู้แปรญัตติวันที่ 5-7 มิ.ย.เวลา 09.00-17.00 น.
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวยืนยันว่า สมาชิกรัฐสภาอำนาจในการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 291 ให้อำนาจไว้ และเป็นอำนาจอันชอบธรรมของฝ่ายนิติบัญญัติ ดังนั้นระหว่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญศาลมีคำสั่ง ระงับการแก้ไขก็ไม่เป็นเหตุให้สมาชิกรัฐสภาต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ โดยสมาชิกรัฐสภายืนยันจะแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป