ทวายดันที่ดินเมืองกาญจน์พุ่ง
แนวมอเตอร์เวย์ขยับเพิ่มไร่ละ5ล้านทุนใหญ่เตรียมผุดโมเดิร์นเทรด
แนวมอเตอร์เวย์ขยับเพิ่มไร่ละ5ล้านทุนใหญ่เตรียมผุดโมเดิร์นเทรด
โครงการทวายดันราคาที่ดินไร้เอกสารสิทธิตามแนวมอเตอร์เวย์พุ่งถึงไร่ละ 5 ล้านบาท
นายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า โครงการทวายทำให้ราคาที่ดินตามแนวที่คาดว่าจะมีการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ กาญจนบุรีบ้านพุน้ำร้อน ซึ่งไม่มีเอกสารสิทธิ มีเพียงเอกสาร ภ.ท.บ.5 เดิมราคาเพียงไร่ละไม่เกิน 2 หมื่นบาท พุ่งขึ้นเป็นหลักแสนบาท และบางแปลงสูงสุดถึงไร่ละ 5 ล้านบาท
“โครงการทวายส่งผลให้ อ.เมืองกาญจนบุรี เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้าน มีนักลงทุนตบเท้าเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มทุนขนาดใหญ่ อาทิ ร้านค้าวัสดุก่อสร้างโมเดิร์นเทรด ห้างสรรพสินค้า และโรงแรมรีสอร์ทต่างๆ ส่งผลให้ที่ดินราคาพุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัว ส่วนหนึ่งเป็นการกว้านซื้อเพื่อเก็งกำไร และอีกส่วนหนึ่งซื้อเพื่อการลงทุนในอนาคต ขณะที่ชาวบ้านก็แห่ขายที่ดิน เนื่องจากราคาจูงใจ” นายศรัทธา กล่าว
นายศรัทธา กล่าวอีกว่า เหตุที่นักลงทุนยอมจ่ายเงินซื้อที่ดินในราคาหลักล้านบาททั้งที่ไม่มีเอกสารสิทธิ เนื่องจากได้ทำการศึกษาข้อมูลในหลายๆ ด้าน และสำรวจจากการวางผังเมืองเบื้องต้น รวมทั้งเส้นทางที่คาดว่าแนวถนนมอเตอร์เวย์สายกาญจนบุรีพุน้ำร้อนจะตัดผ่าน จึงมั่นใจว่าน่าจะคุ้มค่ากับการลงทุน
นายศรัทธา กล่าวอีกว่า อยากฝากเตือนคนในพื้นที่ว่า อย่ามองเพียงความร่ำรวยเพียงอย่างเดียว และอย่ามองเพียงว่า จ.กาญจนบุรี จะเป็นเสือทางเศรษฐกิจ โดยลืมความพอเพียงไป เมื่อนึกถึงแต่ผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว ปัญหาต่างๆ ก็จะเข้ามา รวมทั้งเรื่องของสิ่งแวดล้อม ซึ่ง จ.กาญจนบุรี มีธรรมชาติที่เป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยว ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนปีละกว่า 56 ล้านคน ดังนั้นไม่สายเกินไปที่จะเตรียมความพร้อมเพื่อขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ถูกต้อง
ทั้งนี้ แนวเส้นทางมอเตอร์เวย์โครงการทวาย มีจุดเริ่มต้นบริเวณต่างระดับบางใหญ่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ซึ่งจะเชื่อมกับถนนวงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก จากนั้นจะตัดผ่าน อ.พุทธมณฑล นครชัยศรี เมืองนครปฐม จ.นครปฐม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เข้าสู่ จ.กาญจนบุรี ที่ อ.ท่ามะกา และไปบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 324 (ถนนกาญจนบุรีอู่ทอง) บริเวณ อ.เมืองกาญจนบุรี สิ้นสุดที่บ้านพุน้ำร้อน เข้าพื้นที่ประเทศพม่าและสิ้นสุดที่เมืองทวาย
นอกจากนี้ กรมทางหลวงยังมีแผนเชื่อมเส้นทางสายนี้ต่อไปยังท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อเป็นแลนด์บริดจ์เชื่อมมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย ขณะนี้อยู่ระหว่างออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดิน คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2557 ใช้เวลาก่อสร้าง 2-3 ปี