โจ๋พิเรนทร์ทาเบบี้ออยล์ถุงยางแตกสถิติป่องพุ่ง
โพสต์ทูเดย์ — วัยรุ่นมั่วทาเบบี้ออยล์ถุงยางหวังช่วยถึงจุดสุดยอดพลาดท่าแตกท้องป่องอื้อซ่า
นพ.มานพชัย ธรรมคันโธ ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติศาสตร์นรีเวชวิทยา โรงพยาบาลศิริราช เปิดเผยว่า จากผลการวิจัยความเสี่ยงการใช้ถุงยางอนามัยเพื่อการคุมกำเนิดในกลุ่มวัยรุ่น ในงานเสวนาเรื่อง “สวย ใส รวย ด้วยฮวงจุ้ย บีเลดี้” พบว่า การใช้ถุงยางอนามัยเพื่อการคุมกำเนิดใช้ไม่ได้ผลในกลุ่มวัยรุ่น
ทั้งนี้ เพราะสถิติการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์พุ่งสูงขึ้นถึง 728% เนื่องจากกลุ่มวัยรุ่นนิยมนำสารหล่อลื่นชนิดเบบี้ออยล์ที่ใช้เป็นเครื่องสำอาง นำมาประกอบการร่วมเพศสัมพันธ์ด้วยการทาบริเวณถุงยางให้ลื่นและสอดใส่ได้ง่ายระหว่างมีเพศสัมพันธ์
อย่างไรก็ตาม โดยเข้าใจว่าจะช่วยให้ถึงจุดสุดยอดง่าย แต่สารเคมีประกอบบางตัวในสารหล่อลื่นดังกล่าวจะไปทำปฏิกิริยาบางอย่างทำให้ถุงยางหลุด แตก หรือฉีกขาดได้ง่าย
“ขณะที่ถุงยางที่มีคุณภาพสูงมีสารหล่อลื่นพิเศษและปลอดภัยแต่จะมีราคาแพง ขณะที่ถุงยางที่คุณภาพต่ำจะไม่มีสารหล่อลื่น ซึ่งจะฝืดในเวลาใช้ร่วมเพศและไม่เป็นที่นิยม แต่บรรดากลุ่มวัยรุ่นเล่นแผลงๆ นำเบบี้ออยล์มาชโลมให้ทั่วถุงยางเพื่อลดการเสียดสีและช่วยสร้างความหล่อลื่น” นพ.มานพชัย กล่าว
นพ.มานพชัย กล่าวว่า อีกสาเหตุหนึ่งเกิดจากความประมาท เนื่องจากในกลุ่มวัยรุ่นนิยมไม่สวมถุงยางอนามัยในช่วงแรกระหว่างมีเพศสัมพันธ์ แต่จะใช้ถุงยางอนามัยเมื่อใกล้ถึงจุดสุดยอด ซึ่งระหว่างไม่สวมถุงยางอาจมีเชื้ออสุจิบางส่วนตกค้างในช่องคลอดได้ และสาเหตุการใช้ถุงยางอนามัยไม่ถูกวิธี เช่น เผลอหยิกจิกด้วยเล็บทำให้ถุงยางฉีกขาด
นอกจากนี้ อีกสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะตั้งครรภ์ไม่พึงปรารถนา คือ การใช้ถุงยางอนามัยที่มีคุณภาพต่ำ ดังนั้นวิธีการในการคุมกำเนิดดีที่สุด คือ การรับประทานยาหรือฉีดยาคุมกำเนิด
ด้านนายลือชัย ศรีเงินยวง อาจารย์คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การทำความเข้าใจพฤติ กรรมแปลกๆ ทางเพศของเด็กวัยรุ่นไม่ควรใช้ชุดความคิดอย่างใดอย่างหนึ่งเข้าไปชี้นำว่าถูกหรือผิด ดีหรือไม่ดี เสี่ยงหรือไม่เสี่ยง หรือมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ผิดปกติทางเพศ
ทั้งนี้ เนื่องจากเด็กวัยรุ่นเป็นช่วงวัยที่เปราะบาง หลากหลายและซับซ้อนยากต่อการเข้าใจ เช่น พฤติกรรมเด็กแว้นหรือสก๊อยที่กล้าบ้าบิ่นซิ่งรถมอเตอร์ไซค์โดยไม่รักตัวกลัวความตาย หรือเด็กต่างสถาบันชอบชกต่อยตีรันฟันแทงกัน
นายลือชัย กล่าวด้วยว่า อีกทั้งเด็กวัยรุ่นมาจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจ สังคม ชุมชน และการอบรมเลี้ยงดูจากพ่อแม่ที่ต่างกัน ดังนั้นการแก้ไขปัญหาวัยรุ่นต้องสร้างกระบวนการเข้าใจที่มีพื้นฐานการไม่ยัดเยียดชุดความคิดสำเร็จรูปและต้องเข้าไปร่วมหาสาเหตุแก้ไขปัญหาด้วยกัน