องค์แห่งการบรรลุโสดาบัน
ท่านผู้อ่านที่เคารพ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระสังฆราชฯ การกระทำสักการบูชาใดก็ไม่เท่าปฏิบัติบูชา วันนี้ MQ จึงขอนำเรื่องของการทำความดีเพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา คือ การบรรลุพระนิพพาน ซึ่งต้องเริ่มจากการได้บรรลุเป็นพระโสดาบันก่อน แล้วจึงกระทำความเพียรต่อไปจนบรรลุเป็นพระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ ตามลำดับ การที่ปุถุชนจะปฏิบัติเพื่อความเป็นพระอริยบุคคลนั้นมีองค์ประกอบ ซึ่งเป็นสิ่งที่พุทธศาสนิกชนควรพากเพียรพยายามกระทำให้เกิดมีขึ้นในตน แม้แต่การเพียรในธรรมเหล่านี้ แล้วยังไม่ได้ถึงที่สุดคือบรรลุเป็นพระโสดาบัน ก็นับเป็นบุญเป็นกุศลอันยิ่ง องค์แห่งการบรรลุโสดาบันมี 4 ประการ ดังนี้
ท่านผู้อ่านที่เคารพ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระสังฆราชฯ การกระทำสักการบูชาใดก็ไม่เท่าปฏิบัติบูชา วันนี้ MQ จึงขอนำเรื่องของการทำความดีเพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา คือ การบรรลุพระนิพพาน ซึ่งต้องเริ่มจากการได้บรรลุเป็นพระโสดาบันก่อน แล้วจึงกระทำความเพียรต่อไปจนบรรลุเป็นพระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ ตามลำดับ การที่ปุถุชนจะปฏิบัติเพื่อความเป็นพระอริยบุคคลนั้นมีองค์ประกอบ ซึ่งเป็นสิ่งที่พุทธศาสนิกชนควรพากเพียรพยายามกระทำให้เกิดมีขึ้นในตน แม้แต่การเพียรในธรรมเหล่านี้ แล้วยังไม่ได้ถึงที่สุดคือบรรลุเป็นพระโสดาบัน ก็นับเป็นบุญเป็นกุศลอันยิ่ง องค์แห่งการบรรลุโสดาบันมี 4 ประการ ดังนี้
1.สัปปุริสสังเสวะ การคบสัตบุรุษ
2.สัทธัมมัสสวนะ การฟังพระสัทธรรม
3.โยนิโสมนสิการ การกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย
4.ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ การปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
องค์แห่งการบรรลุโสดาบัน หรือโสตาปตฺติยงฺ คานิ นั้นในอรรถกถาสังคีติสูตร ท่านแปลไว้ว่า องค์แห่งการบรรลุกระแส (กระแสที่จะได้บรรลุพระนิพพาน) อธิบายว่า เหตุแห่งการได้โสดาปัตติมรรค
สำหรับในข้อแรกนั้น การคบหาสัตบุรุษ นั้นท่านยกเอาพระพุทธเจ้าเป็นตัวอย่าง เป็นประธานของสัตบุรุษ คือ คนดีที่ควรคบหา
สำหรับในข้อที่สอง การฟังพระสัทธรรม ท่านหมายถึง พระไตรปิฎก การฟังพระธรรมซึ่งรวบรวมอยู่ในพระไตรปิฎกนั้น ท่านกล่าวว่าเป็นที่สบาย ด้วยเป็นพระสัทธรรม เป็นธรรมที่ดีที่ประเสริฐนำออกจากทุกข์ได้ ผู้ที่ต้องการบรรลุเป็นพระโสดาบัน ต้องเป็นผู้มีปกติฟังพระสัทธรรม
สำหรับในข้อที่สาม การกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย นั้นท่านยกเอาการทำไว้ในใจด้วยอำนาจอนิจจลักษณะ เป็นต้น คือการกระทำจิตให้เป็นกุศล พิจารณาสิ่งต่างๆ ที่เข้ามากระทบทางทวาร 6 ด้วยปัญญาในทางธรรม ทำให้เกิดจิตที่บุญกุศลเสมอๆ มิใช่ปล่อยใจให้ไหลไปกับกิเลสตัณหา ซึ่งจะทำให้จิตที่เป็นอกุศลเป็นบาปเกิดขึ้น
สำหรับในข้อสุดท้าย การปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม แสดงไว้ว่า ปฏิบัติข้อปฏิบัติอันมีในส่วนเบื้องต้น อันเป็นไปตามโลกุตตรธรรม เช่น การเจริญสติปัฏฐาน 4 เป็นต้น
นอกจากองค์แห่งการบรรลุโสดาบันแล้ว ก็ยังมีองค์แห่งพระโสดาบัน ซึ่งมี 4 ประการเหมือนกัน ดังนี้
1.เป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระพุทธเจ้า ว่า แม้เพราะเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ตื่นแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม
2.เป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระธรรม ว่า พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว อันผู้ได้บรรลุจะพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน
3.เป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระสงฆ์ ว่า พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว ปฏิบัติตรง ปฏิบัติเป็นธรรม ปฏิบัติชอบ คือ คู่บุรุษ 4 บุรุษ บุคคล 8 นั่นคือ พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ควรรับของบูชา เป็นผู้ควรรับของต้อนรับ เป็นผู้ควรรับของทำบุญ เป็นผู้ควรทำอัญชลี เป็นบุญเขตของชาวโลก ไม่มีบุญเขตอื่นยิ่งกว่า
4.เป็นผู้ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว อันไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไทย อันวิญญูชนสรรเสริญ อันตัณหาและทิฐิไม่ลูบคลำแล้ว เป็นไปเพื่อสมาธิ
คำว่า ความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นนั้น มาจากคำว่า อเวจฺจปฺปสาเทน คือ ด้วยศรัทธาอันมั่นคง ซึ่งก็เพราะพระโสดาบันเป็นผู้มีศรัทธาอันแน่นแฟ้นมั่นคงยิ่งในพระรัตนตรัย อีกทั้งเป็นผู้มีศีลที่เป็นของพระอริยะ คือ ศีลไม่ขาด และไม่เกือบขาด เช่น ไม่ด่าง ไม่ทะลุ ไม่พร้อย เช่น ไม่ขาดเป็นบางข้อ พระโสดาบันไม่ประกอบด้วยมิจฉาทิฐิ และไม่มีตัณหาอันชั่วหยาบที่จะทำให้ล่วงศีล ท่านจึงเป็นผู้พ้นภัยจากการไปเกิดในอบายภูมิ 4 คือ นรก เปรต อสุรกาย และเดรัจฉาน โดยสิ้นเชิง เป็นผู้ไปสู่กระแสแห่งการปรินิพพานในอนาคตอย่างแน่นอน ไม่ย้อนกลับมาเป็นปุถุชนอีก