posttoday

ม็อบชุมนุมยาวไม่มีกำหนด

13 ธันวาคม 2556

สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) แถลงบนเวทีปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ช่วงค่ำวานนี้ ว่า ประเมินจิตใจของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผิดไปเพราะไม่คิดว่าจะดื้อได้ขนาดนี้

สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) แถลงบนเวทีปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ช่วงค่ำวานนี้ ว่า ประเมินจิตใจของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผิดไปเพราะไม่คิดว่าจะดื้อได้ขนาดนี้

“เมื่อได้มีโอกาสเป็นตัวแทนของประชาชนไปพบกับ ผบ.สส.และผู้นำเหล่าทัพและตำรวจ ผมก็จะชี้แจงแนวทางนี้อย่างชัดเจนเพื่อให้ทหารและตำรวจตัดสินใจมายืนข้างประชาชน ดังนั้นที่เคยคาดว่าการต่อสู้ของเราจะยุตินั้นเป็นการประเมินผิดคาดมากเกินไป อย่างไรก็ตาม มาถึงขั้นนี้ไม่อาจถอยได้แล้ว จะต้องเดินหน้าอย่างเดียว และทำให้สุดชีวิต จะเป็นอีกกี่วันก็ให้มันรู้ไป”

สุเทพ กล่าวว่า คนพวกนั้นต้องการเห็นพวกเราเสื่อมกำลังและท้อถอย จึงต้องทำให้เห็นว่าเราจะไม่ท้อถอยและจะไม่กลับบ้าน และถ้าตำรวจคิดจะจับผมและแกนนำก็เจอกับมวลมหาประชาชนมากกว่าวันที่ 9 ธ.ค.อย่างแน่นอน เพราะประชาชนทั้งหลายไม่ยอมอีกแล้ว แต่จะสู้จนกว่าบรรลุวัตถุประสงค์

เลขาธิการ กปปส. กล่าวว่า สำหรับประชาชนต่างจังหวัดที่นำเสื้อผ้ามาไม่กี่ชุด หากจะลาเวทีไปสักวันสองวันก็ให้บอกคนอื่นมาช่วยสับกำลังด้วย ส่วนประชาชนชาวกรุงเทพฯ นั้น ถ้าเสร็จภารกิจอื่นๆ ก็ขอให้มาร่วมต่อสู้ด้วยกันจนกว่าจะชนะ ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร แกนนำ กปปส.จะต่อสู้แบบไม่ท้อถอยเพื่อให้มวลมหาประชาชนสมหวังให้ได้

สุเทพ กล่าวว่า ขณะนี้มีทางเลือกคือรัฐบาลรู้สำนึกในสิ่งที่ตัวเองได้กระทำความผิดและยอมส่งมอบอำนาจของประชาชนให้โดยดี คือ ยิ่งลักษณ์ลาออกจากนายกรัฐมนตรีพร้อมกับคณะรัฐมนตรีทั้งหมด โดยไม่ต้องตั้งใครเป็นผู้รักษาการอีก ไม่ต้องห่วงว่าประเทศไทยจะไม่มีรัฐบาล เพราะจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น แม้ว่าจะไม่มีรัฐบาลแต่ก็ยังมีวุฒิสภาอยู่ แต่ประธานวุฒิสภาต้องลาออกด้วย เพราะไม่มีความเหมาะสม แต่ให้เป็นหน้าที่ของรองประธานวุฒิสภาเป็นผู้ดำเนินการถวายชื่อบุคคลขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป

“การยุบสภาตามแนวทางของคุณยิ่งลักษณ์นั้น เราไม่ยอมรับอย่างเด็ดขาดและจะไม่มีการต่อรอง เพราะถ้ายังไปเลือกตั้งภายใต้กติกาเดิมก็จะมีการทุจริตเลือกตั้งและ สส.และรัฐบาลหน้าเดิมอีกจนนำมาสู่การทุจริต ดังนั้น ต้องปฏิรูปการเมืองก่อนการเลือกตั้งใหม่เท่านั้น ถ้าไม่เอาทางนี้ประชาชนก็จะใช้อำนาจอธิปไตยของตัวเองเพื่อตั้งสภาประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทย”

เลขาธิการ กปปส. อธิบายถึงแนวทางของการตั้งสภาประชาชนว่า สมาชิกสภาประชาชนจะมีจำนวนไม่เกิน 400 คน โดย 300 คน เลือกมาจากกลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพสาขาต่างๆ อีก 100 คน มาจากผู้ทรงคุณวุฒิที่ กปปส.จะร่วมกันสรรหาคนดีเข้ามาทำหน้าที่ เช่น นพ.ประเวศ วะสี คุณสมบัติที่สำคัญของสภาประชาชน คือ จะไม่มีบุคคลจากพรรคการเมืองเข้ามา เพราะนักการเมืองไม่กล้าเขียนกฎหมายเพื่อลงโทษผู้กระทำความผิดในคดีเลือกตั้ง สภานี้เป็นสภาแก้วิกฤตของชาติเพื่อมาปฏิรูปประเทศไทย โดยถ้าแก้ไขเสร็จแล้วก็กลับบ้าน แต่สมาชิกสภานี้จะไม่สามารถลงสมัครตำแหน่งทางการเมืองได้อีกเป็นเวลา 5 ปี เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

สุเทพกล่าวถึงการพบกับผู้นำธุรกิจ 7 องค์กร ว่า ได้แจ้งถึงสิ่งสำคัญที่ต้องแก้ไขมีหลายอย่าง อาทิ การแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งไม่ให้เกิดการทุจริตได้อีก การดำเนินการตรากฎหมายปราบปรามการทุจริตให้แข็งแรง โดยไม่ให้มีการนับอายุความ และต้องให้ประชาชนสามารถเข้ามาตรวจสอบได้เข้มข้น ไม่ใช่แค่มีส่วนร่วมแค่ไปเลือกตั้งเท่านั้น นอกจากนี้ ต้องกระจายอำนาจการปกครองโดยเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ปฏิรูปโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งต้องช่วยคนจนอย่างจริงจัง เพื่อให้เลิกเอานโยบายประชานิยมมาหลอกประชาชนอีก

“ถ้าผู้นำภาคเอกชนเห็นคุณค่าของมวลมหาประชาชน พวกท่านต้องยืนอยู่กับประชาชนและต่อสู้ร่วมกับเรา ผมได้กราบขอร้องกันว่าแม้จะไม่ชอบผมก็ขอให้ลืมกันเสีย เพราะเป็นการทำเพื่อประเทศไทย”