พระสีวลีอยู่ในครรภ์7 ปี 7 เดือน 7 วัน
ผมเชื่อว่าชาวพุทธและคนไทยจำนวนมาก พอรู้เกี่ยวกับ “พระสีวลี” สาวกของพระพุทธเจ้ารูปสำคัญรูปหนึ่งในจำนวนพระอสีติสาวก (พระสาวก 80 รูป) อยู่บ้าง บางคนอาจจะไม่รู้ (หมายถึงรู้ประวัติของท่าน)
ผมเชื่อว่าชาวพุทธและคนไทยจำนวนมาก พอรู้เกี่ยวกับ “พระสีวลี” สาวกของพระพุทธเจ้ารูปสำคัญรูปหนึ่งในจำนวนพระอสีติสาวก (พระสาวก 80 รูป) อยู่บ้าง บางคนอาจจะไม่รู้ (หมายถึงรู้ประวัติของท่าน)
ได้ยินว่า ชื่อเสียงของท่านนั้นเลื่องลือมาก ขนาดได้รับการประกาศยกย่องจากพระพุทธเจ้าต่อหน้าบรรดาพระทั้งหลายเสียด้วยว่า เป็นผู้ที่เลิศกว่าพระรูปอื่นๆ ในเรื่องของ “ลาภ” คือ มีลาภมาก คนไทยหรือชาวพุทธที่ยกย่องบูชาท่าน ก็มักจะเรียกขานท่านด้วยความเคารพนับถือหลากหลายในสรรพนาม เช่น “เทพเจ้าแห่งโชคลาภ” พระแห่งโชคลาภ พระแห่งความอุดมสมบูรณ์ เป็นต้น
ซึ่งการที่ท่านได้การยกย่องว่าเป็นพระแห่งโชคลาภนั้น เพราะถ้าท่านไปปรากฏตัวที่ไหน ไม่ว่าที่นั่นจะกันดารแค่ไหน หรือไม่มีชาวบ้าน จะไม่เคยเดือดร้อนในเรื่องของปัจจัย 4 อันมีอาหารบิณฑบาตเป็นต้น
ท่านเคยทดลองบุญของตัวเองด้วยการขอพระจากพระพุทธเจ้า 500 รูป เพื่อพาไปยังเขาหิมพานต์ ซึ่งต้องเดินผ่าป่าดงไม่มีชาวบ้านอยู่อาศัยและเป็นที่ที่อากาศเย็นจัด ปรากฏว่าเหล่าเทวดาดีใจมาก ถึงกับส่งเสียงว่า “พระสีวลี พระคุณเจ้าของเรามาแล้ว” ได้ถวายบิณฑบาตเลิศรส ใน 7 สถานที่สำคัญที่พระเถระไปถึง สถานที่ละ 7 วัน บางแห่งนาคราชก็ขึ้นมาร่วมด้วย
คราวหนึ่งพระพุทธเจ้าพร้อมภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ไปเยี่ยมพระเรวตะน้องชายของพระสารีบุตร ซึ่งบำเพ็ญเพียรอยู่ในป่าสะแกจนได้บรรลุอริยผลเป็นพระอรหันต์ แต่เส้นทางมีให้เลือกว่าจะไปทางตรงหรือทางอ้อม ทางตรงไกล 30 โยชน์ อ้อม 60 โยชน์ โดยทางตรงจะเป็นทางที่มีอมนุษย์สัตว์ร้ายชุมและกันดาร แต่ถ้าทางอ้อมหนทางสะดวกปลอดภัย มีภิกษาดีหาง่าย
พระพุทธเจ้าจึงทรงถามว่า สีวลี...มาด้วยไหม แล้วพระอานนท์ทรงตอบว่า มาด้วย จึงทรงเลือกทางตรง ปรากฏว่าตลอดเส้นทาง พวกเทวดาพูดกันว่าพวกเราจักทำสักการะแก่พระสีวลีเถระ ผู้เป็นเจ้าของเรา โดยได้มีการสร้างวิหารในที่ทุก 1 โยชน์ แล้วตอนเช้าก็นำอาหารทิพย์ไปถวายพระสีวลี ฝ่ายพระสีวลีก็บอกให้นำไปถวายพระพุทธเจ้าและพระทั้งหมด
นี่คือ พระสีวลี ที่เราชาวพุทธรู้จัก หลายคนจึงนิยมบูชาท่าน เพื่อหวังให้ท่านบันดาลโชคลาภให้ตามความเชื่อ แต่จะมีใครรู้บ้างว่าชีวิตของท่านนั้นมีความแปลกประหลาดไม่เหมือนชาวบ้าน โดยเฉพาะตอนที่อยู่ในครรภ์มารดา
ปกติเด็กจะอยู่ในท้องแม่ 9 เดือนแล้วคลอด แต่พระสีวลีท่านอยู่ในท้องของโยมแม่ท่านนานถึง 7 ปี 7 เดือน กับอีก 7 วัน ซึ่งถ้าเกิดในสมัยนี้คงฮือฮาน่าดู
ท่านเกิดในราชสกุล มารดาของท่าน คือ พระนางสุปปวาส พระราชธิดาของกษัตริย์แห่งกรุงโกลิยะ ตอนที่ท่านอยู่ในครรภ์ทำให้พระมารดาสมบูรณ์ด้วยลาภสักการะมากมาย หมู่ญาติคอยห้อมล้อมเอาใจใส่อย่างดี ชีวิตสมบูรณ์มาก
เมื่อประสูติก็ประสูติง่าย ไม่เจ็บไม่ปวดท้อง ซึ่งก็คงมาจากพรที่พระพุทธเจ้าประทานให้ “ขอพระนางสุปปวาส จงมีความสุข ปราศจากโรคภัย ประสูติพระโอรสผู้ไม่มีโรคเถิด”
ในวันที่พระญาติกราบนิมนต์พระพุทธเจ้ามาเสวยภัตตาหารเป็นเวลา 7 วัน โดยสีวลีได้กรองน้ำถวายพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ตลอด 7 วันด้วย เมื่อเจริญวัยก็ออกบวชกับพระสารีบุตร บรรลุอรหันตผลในเวลาปลงเกศาเสร็จ
น่าสงสัยว่า ทำไมท่านจึงอยู่ในครรภ์มารดาถึง 7 ปี 7 เดือน กับอีก 7 วัน (ตามประวัติ) หากจะหาคำตอบว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไรในสมัยนี้คงหายาก
แต่ในประวัติของท่านมีการพูดถึงบุพกรรมในอดีตชาติของท่าน และเมื่อพลิกอ่านประวัติของท่านก็ได้รู้ว่า เพราะกรรมอย่างหนึ่งจึงทำให้ท่านต้องอยู่ในครรภ์มารดานานขนาดนั้น
คือ อดีตชาติหนึ่ง ท่านเกิดเป็นโอรสแห่งพระเจ้ากาสี ผู้ครองกรุงพาราณสี ต่อมาพระเจ้าโกศลทรงกรีธาทัพมายึดพาราณสี ปลงพระชนม์พระเจ้ากาสีและได้สถาปนาพระอัครมเหสีของพระราชานั้นให้เป็นอัครมเหสีแทน ขณะที่พระองค์ (สีวลี) พอพระบิดาถูกปลงพระชนม์ก็หนีออกทางประตูระบายน้ำ ต่อมาได้รวบรวมกำลังพลมาปิดล้อมพาราณสี ส่งสาส์นถึงราชาองค์ใหม่ว่าจะคืนราชบัลลังก์หรือจะรบ
ฝ่ายพระมารดาซึ่งตกเป็นอัครมเหสีของราชาองค์ใหม่ได้ส่งสาส์นตอบว่า ห้ามมีการต่อสู้ แต่จงตัดขาดการสัญจรทั่วทุกทิศ ปิดล้อมกรุงไว้เพื่อให้พวกคนในกรุงลำบาก เพราะหมดน้ำและอาหาร และแม่จะจับพระราชามาถวายเอง แล้วท่านก็ปิดล้อมประตูใหญ่ทั้ง 4 ด้านตามที่พระมารดาแนะไว้ 7 ปี แต่การณ์ก็มิได้เป็นอย่างที่คิดเนื่องจากพวกคนในกรุงพากันออกทางประตูเล็ก ต่อมาได้ปิดประตูเล็กล้อมกรุงเด็ดขาด 7 เดือน กับอีก 7 วัน แล้วพระมารดาก็สำเร็จโทษพระราชาท่านก็เข้ายึดเมือง
เพราะผลกรรมของการ “ปิดเมือง” ทำให้ผู้คนเดือดร้อนและเสียชีวิตนี้ ท่านจึงตกนรกอเวจี จนเมื่อพ้นจากนรกจึงได้มาเป็นเกิดเป็นมนุษย์และสร้างบุญมากมาย ทำให้ท่านเป็นคนมีลาภมาก ด้วยประการฉะนี้