ไกด์หนุ่มรัสเซียตกโรงแรมดับปริศนา

ตราด-ไกด์หนุ่มชาวรัสเซียเปลือยตกจากห้องพักชั้น 3 โรงแรมดังดับปริศนาที่เกาะช้างใต้

ร.ต.อ.บรรเจิด กระจ่างแสง ร้อยเวรสอบสวน สภ.เกาะช้าง จ.ตราด ได้รับแจ้งเหตุมีนักท่องเที่ยวชายชาวต่างชาติ ตกจากระเบียงห้องพักหมายเลข 305 ชั้น 3 เสียชีวิตภายในบริเวณโรงแรมดังระดับ 5 ดาว เกาะช้างแกรนด์ลากูน่า ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านคลองกลอย หมู่ 1 ต.เกาะช้างใต้ อ.เกาะช้าง จ.ตราด พร้อมกับประสานกับตำรวจท่องเที่ยว 6 (ตราด) และอาสาสมัครกู้ภัย เขตอ.เกาะช้าง เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นโรงแรมรูปคล้ายเรือขนาด 7 ชั้น ที่บริเวณบนพื้นคอนกรีตด้านล่าง ข้างโรงแรมดังกล่าว พบศพ นายรี ออน สัญชาติรัสเซีย  นอนเสียชีวิตจมกองเลือดสภาพศพที่พบ เปลือย ไม่สวมเสื้อผ้าที่บริเวณศีรษะมีเลือดไหลออกมานองพื้น และคอหักหมุนได้รอบ
 
ทั้งนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ขึ้นไปตรวจสอบภายในห้องพักหมายเลข 305 ที่อยู่ชั้น 3 ของโรงแรมซึ่งเป็นต้นตอของการตกลงมา และเป็นห้องพักของ น.ส.ยูเรียน ซูวาร์ สัญชาติรัสเซีย เป็นไกด์สาวสัญชาติเดียวกันกับผู้ตาย แต่ทำงานอยู่ กับบริษัท ออร์ แคนดิต ทัวร์ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ พัทยา จ.ชลบุรี ให้การกับเจ้าหน้าที่ไม่ค่อยรู้เรื่อง ต้องหาล่ามมาแปรให้โดยอ้างว่าไม่รู้เรื่องอย่างเดียว และเมื่อตรวจโดยรอบห้องอย่างระเอียดพบว่า มีร่องร่องรอยการต่อสู้ สิ่งของภายให้ห้องกระจัดกระจาย และกระจกใสบานใหญ่ สำหรับชมวิวนั้นได้แตก เป็นช่องโหว่ ตำรวจคาดว่าก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายน่าจะเข้าไปในห้องฝ่ายหญิงดังกล่าว หวังจะปลุกปล้ำ แต่ได้เกิดต่อสู้กัน แล้วผู้ตายเสียหลักไปกระแทกกระจกแตกพลัดลงไปด้านล่าง
 
ด้าน พนักงานโรงแรมได้ให้การกับตำรวจว่าผู้ตายนั้น ทำหน้าที่เป็นไกด์คอยบริการลูกค้าของบริษัททัวร์นำเที่ยวมีชื่อว่า คิ๊กออฟ เวอร์รี่ ทัวร์ไดร์ ได้นำลูกค้านักท่องเที่ยวเดินทางมาจากพัทยามาพักที่โรงแรมที่ห้องหมายเลข 318 เมื่อช่วงค่ำวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียที่มาด้วยกันในกรุ๊ปทัวร์ ได้บอกกับเจ้าหน้าที่ว่าช่วงกลางดึกเห็นผู้ตายเดินไป-มาอยู่หน้าห้อง 305 ที่เป็นห้องพักของไกด์สาว พอมารู้อีกครั้งในช่วงเช้าก็มีพบว่าเกิดการเสียชีวิตดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าที่ได้ปักใจเชื่อพุ่งประเด็นการตายในครั้งนี้ว่า ต้องเป็นการฆาตกรรมอย่างแน่นอน ไม่ใช่การกระโดดเพื่อฆ่าตัวตาย ซึ่งจะได้ประสานไปทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานให้มาทำการเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุอีกครั้ง พร้อมกับแจ้งไปทางสถานฑูตรัสเซียประจำประเทศไทยได้ทราบข้อมูลต่อไป