"ทำไมครอบครัวผมต้องโดนทำร้าย"

“ผมกลับบ้านเห็นกระเป๋านักเรียนลูก เสื้อผ้ายังแขวนเตรียมไปโรงเรียน จากเดิมที่ไม่เคยวาดฝันให้ลูกเป็นอะไร แค่เป็นเด็กดี อยู่ในสังคมได้ ส่วนลูกชายมักชอบดูสวนสนามและอยากเป็นทหาร แต่วันนี้ฝันทุกอย่างมันสลายไปทั้งหมด ทำไมโลกนี้โหดร้ายกับครอบครัวผมเหลือเกิน ทำไมคุณถึงใจคอโหดร้ายแบบนี้ เด็กๆ ไม่ควรที่จะต้องมาโดนทำร้ายแบบนี้” ทยากร ยศอุบล กล่าวทั้งน้ำตาขณะรับศพน้องเคน และน้องเค้ก ลูกชายและลูกสาว ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุระเบิดที่หน้าบิ๊กซี ราชดำริ เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา

ทยากร เปิดเผยว่า ไม่ได้โกรธใครในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คิดเพียงว่าบนโลกใบนี้มีสิ่งที่เกิดขึ้นมากมาย เพียงแต่ครั้งนี้เกิดขึ้นกับลูกของตัวเองก่อนเท่านั้น ถ้าเป็นไปได้ อยากขอให้เหตุการณ์ความวุ่นวายจบลง และเป็นอุทาหรณ์กับทุกฝ่าย หากจะให้บอกอะไร ก็คงบอกได้แค่ว่า ขออโหสิกรรมให้กับคนทำ

“ครอบครัวผมไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเพียงใดที่จะสามารถทำใจได้ แค่เด็กต้องบาดเจ็บก็เสียใจมากแล้ว แต่ครั้งนี้ลูกเสียชีวิตทั้งคู่ ครอบครัวผมเป็นครอบครัวเล็กๆ ไม่ได้รวย แต่ใช้ชีวิตด้วยความสุข 12 ชั่วโมงที่ต้องเฝ้าลูกอีกคนที่ยังสาหัส เห็นว่าลูกต้องเจ็บปวดมาก แม้หวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ให้เหลือลูกสักคนแม้จะไม่เหมือนเดิม แต่ก็ไม่มี” ทยากรระบุ

จากนั้นครอบครัวได้นำร่างเด็กทั้งสองไปยังบริเวณหน้าบิ๊กซี ราชดำริ เพื่อเชิญวิญญาณก่อนจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดพรหมวงศาราม (หลวงพ่อเณร) โดยครอบครัวได้ชงนม นำตุ๊กตาและเสื้อผ้าที่เด็กๆ ชอบมารับศพ

ด้าน นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี ระบุว่า ขณะนี้ ยังคงเฝ้าดูอาการของ ด.ช.โยธิน ชะแอมรำ อายุ 9 ขวบ ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ระเบิดที่บิ๊กซี ราชดำริ เช่นเดียวกัน โดยอาการเบื้องต้น สมองบวม และปอดช้ำจากแรงกระแทก แต่โดยรวมมีสัญญาณที่ดีขึ้น สามารถขยับนิ้วมือ นิ้วเท้าได้แล้ว

วันเดียวกัน ศูนย์เอราวัณ กรุงเทพมหานคร สรุปยอดผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมทางการเมือง มีทั้งหมด 20 คน บาดเจ็บ 718 คน โดย ส.ต.ต.ศราวุฒิ ชัยปัญหา ซึ่งบาดเจ็บจากเหตุปะทะที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ เมื่อวันที่ 18 ก.พ. เป็นผู้เสียชีวิตรายล่าสุด