ศอ.รส.เร่งรัดคดีสุเทพ-กปปส.ขวางเลือกตั้ง

21 มีนาคม 2557

ศอ.รส.ชี้กปปส.มีการแอบฝึกกองกำลังหลังจับมือปืนป๊อนคอร์น ดีเอสไอขอข้อมูลสตช.เร่งรัดทำคดีขวางเลือกตั้ง

ศอ.รส.ชี้กปปส.มีการแอบฝึกกองกำลังหลังจับมือปืนป๊อนคอร์น ดีเอสไอขอข้อมูลสตช.เร่งรัดทำคดีขวางเลือกตั้ง
 
สรุปผลการประชุม ศอ.รส. เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2557

ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้
 
เรื่องที่1 จากการที่แกนนำ กปปส. ได้กล่าวอ้างตลอดมาว่าการชุมนุมของ กปปส. นั้นเป็นไปโดยสงบ สันติ และปราศจากอาวุธ ศอ.รส. ขอเรียนว่า บัดนี้ข้อเท็จจริงต่างๆ ที่ปรากฏออกมาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคำกล่าวอ้างของกลุ่ม กปปส. นั้นไม่เป็นความจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อเท็จจริงจากคำให้การของนายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ หรือมือปืนป๊อปคอร์นที่กล่าวว่าตนเป็นการ์ด กปปส. ได้รับการฝึกอาวุธและได้รับอาวุธปืนเอ็ม16 ที่ใช้ก่อเหตุมาจากการ์ด กปปส. ซึ่ง นายวิวัฒน์ฯ ได้ยอมรับสารภาพพร้อมเล่าเหตุการณ์รายละเอียดต่อหน้าสื่อมวลชนจำนวนมากที่ ศอ.รส. เมื่อวานนี้ โดยเปิดเผย ไม่มีการข่มขู่บังคับให้รับสารภาพแต่อย่างใด การที่นายวิรัตน์ฯ จะแกล้งรับสารภาพหรือถูกข่มขู่ให้รับสารภาพ จึงเป็นไปไม่ได้เลย และการรับสารภาพจะต้องรับโทษหนักจำคุกถึง20 ปี จึงเป็นไม่สมเหตุสมผล และจากคำสารภาพของนายวิวัฒน์ฯ ดังกล่าว เป็นที่ชัดเจนว่าการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. มีการแอบฝึกกองกำลัง และสะสมอาวุธอย่างผิดกฎหมายมาโดยตลอด โดยเฉพาะอาวุธสงครามร้ายแรง

นอกจากนี้ จากสถิติของกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่ได้รวบรวมคดีทำร้ายร่างกายและพยายามฆ่าในช่วงการชุมนุมที่มีประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้เสียหาย ปรากฏว่ามีจำนวนถึง 209 คดี ยอดผู้บาดเจ็บเกือบ 300 คน ซึ่งรวมถึงกรณีของนายยืม นิลหล้า รปภ.ที่ถูกการ์ด กปปส. กักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและนำตัวไปโยนทิ้งที่แม่น้ำบางปะกง แต่รอดชีวิตมาได้ และได้ให้การว่าแกนนำ กปปส. เป็นผู้สั่งการให้ทำร้ายร่างกาย  ดังนั้น การที่แกนนำ กปปส. หลายคนกล่าวหาว่า กรณีจับมือปืนป๊อปคอร์นเป็นการจับแพะ ไม่ใช่ตัวจริง ก็เป็นการใส่ร้ายเจ้าพนักงานตำรวจที่มีความตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งไม่สมควรกระทำอย่างยิ่ง 
 
ข้อเท็จจริงเหล่านี้ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับคำกล่าวอ้างของบรรดาแกนนำ กปปส. ที่ว่าตนชุมนุมอย่างสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ ศอ.รส. จึงขอเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมชุมนุมและเข้าไปในพื้นที่ชุมนุมเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของท่าน ส่วนการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ศอ.รส.จะได้เร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างรวดเร็ว รอบคอบ และเป็นธรรม เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย
 
เรื่องที่2 ที่ประชุม ศอ.รส. ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่แกนนำกลุ่ม กปปส. หรือกลุ่มอื่นใด นำมวลชนไปปิดล้อมสถานที่ราชการหรือหน่วยงานของรัฐต่าง ๆ โดยมีพฤติกรรมคุกคามให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ออกจากสถานที่ทำงาน โดยใช้มวลชนจำนวน 50-100 คนขึ้นไป ใช้เครื่องขยายเสียง พูดคุกคาม ใช้โซ่คล้องใส่กุญแจ และกระทำการอื่น ๆ เช่น ส่งคนเข้าไปในบริเวณอาคารเพื่อทำให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่เกรงกลัว เป็นต้น ศอ.รส. เห็นว่า นอกจากส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐจะต้องดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดฐานบุกรุกแล้ว ยังสมควรต้องดำเนินคดีฐานความผิดต่อเสรีภาพ คือ การข่มขืนใจ

นอกจากนี้ยังเป็นความผิดตามประกาศ ศอ.รส. ฉบับที่ 1/2557 เรื่องห้ามบุคคลเข้าหรือต้องออกจากบริเวณพื้นที่ อาคาร หรือสถานที่ที่กำหนด และห้ามใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ ลงวันที่ 19 มีนาคม 2557 ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรฯ อีกด้วย และเป็นการดำเนินคดีแยกรายครั้งต่างกรรมต่างวาระไป 

ทั้งนี้ ศอ.รส.ได้มีหนังสือจากผู้อำนวยการ ศอ.รส. แจ้งถึงปลัดกระทรวงทุกกระทรวงในวันนี้เพื่อให้ดำเนินการดังกล่าวภายใน 24 ชั่วโมง ของการกระทำผิดทุกครั้งไป และให้จัดเจ้าหน้าที่บันทึกภาพแกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุมที่กระทำความผิดให้ชัดเจนและครบถ้วน เพื่อให้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีด้วย และเพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปโดยเรียบร้อยในแนวทางเดียวกัน ผู้อำนวยการ ศอ.รส. จึงกำหนดให้เชิญปลัดกระทรวงทุกกระทรวงมาประชุมโดยพร้อมเพรียงกันในวันจันทร์ที่ 24 มีนาคม 2557 เวลา 14.00น. ณ ศอ.รส.
 
เรื่องที่ 3 ศอ.รส.ได้รับรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษว่า ในการดำเนินคดีพิเศษกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. รวม 58 คน ถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันเป็นกบฏ ร่วมกันยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ร่วมกันมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และความผิดฐานอื่น ๆ ที่ต่อเนื่องหรือเกี่ยวพันกันนั้น เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายสุเทพฯ  กับพวกผู้ต้องหา ยังมีพฤติการณ์กระทำผิดในเรื่องการขัดขวางการเลือกตั้ง ทั้งวันรับสมัครรับเลือกตั้ง  วันเลือกตั้งล่วงหน้า และวันเลือกตั้งทั่วไป อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่จะล้มล้างหรือขัดขวางการใช้อำนาจบริหารของรัฐบาล ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการรวบรวมพยานหลักฐาน กรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพื่อขอทราบข้อมูลเกี่ยวกับคดีขัดขวางการเลือกตั้ง และขอให้ส่งสำนวนมาเพื่อพิจารณารวบรวมสอบสวนเป็นกรณีต่อเนื่องและเกี่ยวพันกันกับคดีพิเศษ ทั้งนี้ ศอ.รส. ได้กำชับให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการคดีความผิดดังกล่าวโดยรวดเร็วและเคร่งครัด เพื่อเป็นการป้องปรามมิให้มีการกระทำผิดในลักษณะนี้อีก
 
จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน
     

 

 

 

 

Thailand Web Stat