เฮซบอลเลาะห์จ้องก่อเหตุในไทย

เล็งชาติตะวันตกข่าวกรองสั่งจับตาภัยคุกคามสูงสุด

สำนักข่าวกรองดีเอสไอ ประสานเสียง ไทยเป็นเป้าก่อการร้าย ชี้ “เฮซบอลเลาะห์” คุกคามไทยมากที่สุด

น.ส.รพีพรรณ นพหิรัญ นักการข่าวชํานาญการ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) เปิดเผยว่า กลุ่มเฮซบอลเลาะห์กลายเป็นกลุ่มที่หน่วยงานด้านความมั่นคงจัดให้เป็นภัยต่อความมั่นคงระดับสูงสุด เพราะมักใช้ประเทศไทยเป็นพื้นที่ก่อเหตุ ที่ผ่านมาก็มีความพยายามก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง

“ในปี 2537 มีการพยายามขับรถบรรทุกระเบิดซีโฟร์เพื่อถล่มสถานทูตอิสราเอล เหตุการณ์วาเลนไทน์บอมบ์ปี 2555 ที่ซอยสุขุมวิท 71 ครั้งนั้นก็เป็นความพยายามขว้างระเบิดติดแม่เหล็กเพื่อสังหารนักการทูตอิสราเอล แต่มีการยกเลิกแผนปฏิบัติการแล้วเกิดระเบิดขึ้นระหว่างจัดเก็บ เหตุการณ์นี้มีคนร้ายเข้ามาเคลื่อนไหว 5 คน โดยที่หน่วยงานความมั่นคงแทบไม่รู้ ขณะที่ก่อนหน้านั้น 1 เดือน ก็มีการจับกุมสมาชิกเฮซบอลเลาะห์ 1 คน เมื่อค้นบ้านก็เจอปุ๋ยยูเรียที่เอาไปทำระเบิดจำนวนมากได้เป็นต้น” น.ส.รพีพรรณ กล่าว

นักการข่าวชำนาญการ สขช. กล่าวอีกว่า ไทยถูกใช้เป็นสถานที่ก่อเหตุของคนเหล่านี้ เพราะเป็นประเทศที่เปิดรับนักท่องเที่ยว มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดประเทศตะวันตก มีการปลอมแปลงเอกสารสูง และการบังคับใช้กฎหมายอ่อนแอ

ด้านสถานการณ์ก่อการร้าย น.ส.รพีพรรณ กล่าวว่า แม้นายโอซามา บิน ลาเดน ผู้นำกลุ่มอัลกออิดะห์จะเสียชีวิตไปแล้ว แต่เครือข่ายอัลกออิดะห์ยังมีสาขาอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีกลุ่มเจมาห์ อิสลามิยาห์ หรือเจไอ ที่รับแนวคิดของอัลกออิดะห์มีความพยายามจะเข้ามาเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดภาคใต้อยู่บ้าง แต่ไม่สำเร็จเพราะถูกตัดตัวเชื่อมเมื่อครั้งนายฮัมบาลีถูกจับกุม

นายสุรชัย นิระ อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า สิ่งที่ควรระวัง คือ ป้องกันการเชื่อมโยงการก่อการร้ายสากลกับปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะประเทศสหรัฐอาจเห็นว่าตัวเองเสียประโยชน์และพยายามเข้ามาแทรกแซงหรือมีบทบาทมากขึ้น จนเป็นชนวนให้ประเทศมุสลิมอื่นๆ ไม่พอใจประเทศไทย

นายสุรชัย กล่าวว่า นอกจากการทุ่มเทงบประมาณกับงานข่าวแล้ว ยังต้องฝึกซ้อมการต่อต้านการก่อการร้ายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าพัฒนาการการก่อการร้ายเปลี่ยนไป จากเดิมที่ใช้วิธีการจับตัวประกันเพื่อเจรจาต่อรอง กลายมาเป็นการวางระเบิด ไม่มีข้อเรียกร้อง ไม่เปิดโอกาสเจรจาใดๆ เลย

ด้าน พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผู้อำนวยการสำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า จริงอยู่ที่ประเทศไทยไม่ใช่คู่กรณีของผู้ก่อการร้ายสากล แต่เป็นพื้นที่เป้าหมายในการปฏิบัติการ หากเกิดเหตุจะกระทบต่อความเชื่อมั่น กระทบต่อเศรษฐกิจประเทศ หน่วยงานความมั่นคงในประเทศมีหลายหน่วยหวงข้อมูลระหว่างหน่วย ต้องปรับโครงสร้างการประสานงานให้มากขึ้นกว่านี้