posttoday

ประยุทธ์สั่งสศช.เพิ่มดัชนีความสุขคนในชาติ

02 มิถุนายน 2557

ผบ.ทบ.สั่งสศช.ปรับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฯ ให้เพิ่มดัชนีความสุขคนในชาติสูงขึ้น ย้ำเดินหน้ารถไฟรางคู่ แต่ไฮสปีดอาจต้องพิจารณาเพิ่ม

ผบ.ทบ.สั่งสศช.ปรับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฯ ให้เพิ่มดัชนีความสุขคนในชาติสูงขึ้น  ย้ำเดินหน้ารถไฟรางคู่ แต่ไฮสปีดอาจต้องพิจารณาเพิ่ม

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้หารือกับรองหัวหน้าคสช.ด้านต่างๆ รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการ โดยได้รับทราบความคืบหน้าการใช้จ่ายงบประมาณปี 2557 ที่ยังค้างอยู่ ทั้งนี้ หัวหน้าคสช. ได้มอบหมายให้ฝ่ายเศรษฐกิจทำรายงานสรุปแผนการใช้งบประมาณที่ค้างอยู่จากอุปสรรคต่างๆ ให้เสร็จสิ้นใน 2 สัปดาห์ก่อนที่จะเสนอที่ประชุมอีกครั้ง โดยเมื่อเสร็จสิ้นจะดำเนินการจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 2558 ต่อไป

นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)ยังได้รายงานถึงการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 ต่อที่ประชุม ซึ่งหัวหน้า คสช.ได้ให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันเพื่อให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข รวมทั้งให้ประชาชนเข้าถึงทรัพยากรอย่างทั่วถึงเป็นธรรม และให้ดัชนีความสุขของประชาชนเพิ่มขึ้น

ขณะที่ พ.อ.ณัฐวัฒน์ จันทร์เจริญ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า หัวหน้า คสช. เน้นเรื่องการทำให้สังคมอยู่ด้วยกันด้วยการเคารพกฏหมาย และให้ทุกฝ่ายร่วมกันทำทุกวิถีทางให้ค่าดัชนีชี้วัดความสุขของคนไทยเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปสำรวจว่า หลังวันที่ 22 พ.ค. คนไทยมีความสุขเพิ่มขึ้นหรือไม่

ส่วนความคืบหน้าการทำงานของฝ่ายเศรษฐกิจนั้น พ.อ.ณัฐวัฒน์ กล่าวว่า หัวหน้าคสช.ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทอีกครั้ง โดยให้ไปพิจารณาว่าโครงการใดมีประโยชน์กับประชาชน รวมถึงกระบวนการด้านผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพต้องโปร่งใส

“คสช.พร้อมเดินหน้าโครงการรถไฟรางคู่ ภายในปีนี้ แต่คงต้องมีการศึกษาเส้นทางที่เป็นประโยชน์มากที่สุด ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูง ได้มอบหมายให้กลับไปศึกษาจุดคุ้มทุน และการลงทุนจะต้องไม่กระทบวินัยการเงินการคลัง หากจะเดินหน้าอาจเป็นการร่วมทุนกับเอกชน โดยใช้เงินลงทุนจากแหล่งเงินภายในประเทศเป็นหลัก” พ.อ.ณัฐวัฒน์กล่าว

ส่วนโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทนั้น พ.อ.ณัฐวัฒน์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้ศึกษาระบบป้องกันน้ำท่วมอย่างเป็นระบบ และให้ป้องกันโครงการในลักษณะที่ใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก โดยให้เน้นนำโครงการในพระราชดำริ เช่น โครงการแก้มลิง มาเป็นแนวทาง และให้กรมชลประทานเป็นเจ้าภาพศึกษา รวมถึงให้ทหารเป็นผู้ช่วยฝ่ายปฏิบัติ

ขณะที่เรื่องนโยบายพลังงานนั้น พ.อ.ณัฐวัฒน์ กล่าวว่า คสช.ได้มีนโยบายว่ากลไกราคาต้องเป็นไปตามกลไกตลาดภาพรวม รวมถึงอาจต้องหามาตรการอื่นบรรเทาภาระประชาชน เช่น กองทุนน้ำมัน และให้พิจารณาข้อเรียกร้องของคนไทยที่อยากใช้น้ำมันราคาถูก รวมถึงสนับสนุนนโยบายด้านพลังงานทดแทนด้วย