อินทรีผงาด! เยอรมัน คว่ำ อาร์เจน 1-0 คว้าแชมป์โลกสมัยสี่สุดยิ่งใหญ่

13 กรกฎาคม 2557

"อินทรีเหล็ก" เยอรมัน เอาชนะ "ฟ้าขาว" อาร์เจนติน่า ไปได้อย่างเฉียดฉิว 1 ประตูต่อ 0 จากประตูชัยของ มาริโอ เกิร์ทเซ่ คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 ไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่

ฟุตบอลโลก 2014 นัดชิงชนะเลิศ
วันอาทิตย์ 13 กรกฎาคม 2557
อาร์เจนตินา-เยอรมัน
สนาม :เอสตาดิอู ดู มาราคาน่า, (รีโอ เด จาเนโร, บราซิล)

โยอัคคิม เลิฟ ยึดทีมจากเกมที่เอาชนะ บราซิล มาในรอบตัดเชือกถึง 7-1 นำโดย โธมัส มุลเลอร์ ที่ยังมีลุ้นดาวซัลโวของรายการนี้ บวกกับ โทนี่ โครส, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ รวมไปถึง มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ เซนเตอร์ฮาล์ฟจากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่ยังผ่านการทดสอบความฟิตลงสนามได้ ขณะที่ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ก็มีลุ้นจะเพิ่มสถิติการทำประตูในรอบสุดท้ายที่ตอนนี้เขากลายเป็นเจ้าของสถิติอยู่เพียงผู้เดียวที่ 16 ประตู

ด้าน อเลฮานโดร ซาเบย่า กุนซือของอาร์เจนติน่า ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะก้าวลงจากตำแหน่งหลังจบเกมนัดนี้ไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาเช่นใด โดยข่าวดีของ ซาเบย่า ก็คือนักเตะที่มีอาการบาดเจ็บอย่างมาร์กอส โรโฮ นั้นฟิตกลับมาลงสนามได้ รายของ ดิ มาเรีย นั้นเป็นแค่สำรองไปก่อนเพราะสภาพร่างกายยังดูไม่ค่อยสมบูรณ์นัก ขณะที่ตัวหลักรายอื่นยังพาเหรดลงสนามกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา อาทิ ลีโอเนล เมสซี่ (กัปตันทีม), กอนซาโล่ อิกวาอิน, เอเซเกล ลาเวซซี่ และ ฮาเวียร์ มาสเชราโน่

แม้ว่าการเจอกันหนล่าสุดในเกมอุ่นเครื่องจะเป็น อาร์เจนติน่า ที่เอาชนะ เยอรมัน ไปได้ 3-1 เมื่อเดือน ส.ค.2012 ทว่าการเจอกันในฟุตบอลโลกนั้นกลับเป็น เยอรมัน ที่มีสถิติที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยขุนพล "อินทรีเหล็ก" เอาชนะไปได้ 3 เสมอ 2 และแพ้ให้ อาร์เจนติน่า เพียงหนเดียวเท่านั้น แต่นั่นก็คือเกมนัดชิงชนะเลิศในปี 1986 ที่เม็กซิโก


ก่อนจะเริ่มเกม เยอรมัน ต้องมีการปรับทัพ 11 ตัวจริงอย่างกระทันหัน หลัง ซามี่ เคดิร่า ได้รับบาดเจ็บระหว่างการวอร์มร่างกาย ทำให้ต้องส่ง คริสตอฟ คราห์เมอร์ ดาวรุ่งจาก โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ลงสนามแทน

นาทีที่ 4 เป็นแข้ง "ฟ้าขาว" ที่ได้ลุ้นประตูก่อนจากจังหวะที่ เอเซเกล ลาเวซซี่ ลากบอลขึ้นมา แนวรับ เยอรมัน สกัดไม่ดี บอลนั้นมาเข้าทาง กอนซาโล่ อิกวาอิน ได้ซัดแต่บอลหลุดกรอบออกหลังไป

สามนาทีต่อมา โธมัส มุลเลอร์ ได้พาบอลมาถึงเส้นหลัง แต่ถูก ลูคัส บิเกลีย กระแทกทำให้เสียหลัก บอลเข้าซอง โรเมโร่ อย่างไม่มีปัญหา

นาทีที่ 9 ลิโอเนล เมสซี่ โชว์สปีดแหวกแนวรับ เยอรมัน เข้ากรอบเขตโทษก่อนจะปาดเข้าใน แต่โชคร้ายที่บอลย้อนหลังเพื่อนไปหน่อย

นาทีที่ 15 เยอรมัน เกือบจะได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ โทนี่ โครส ครอสบอลมาให้กับ มุลเลอร์ บอลนั้นจะถึงเจ้าตัวอยู่แล้ว แต่ยังดีที่กองหลัง อาร์เจนติน่า มาเคลียร์ออกไปได้อย่างหวุดหวิด

หกนาทีต่อมา เป็นโอกาสทองของ "ฟ้าขาว" บ้าง เมื่อ โครส โหม่งคืนย้อนหลังไม่ดี บอลไหลไปเข้าทาง กอนซาโล่ อิกวาอิน ลากเข้าไปดวลกับ มานูเอล นอยเออร์ แต่ทว่าหัวหอกจาก นาโปลี รายนี้กลับซัดบอลถากเสาออกไปอย่างเหลือเชื่อ ทำเอาแฟนๆ ทั้งโลกเกือบหัวใจวายไปตามๆ กัน

เกมผ่านไปครึ่งชั่วโมง แฟนๆ อาร์เจนติน่า เฮเก้อลั่นโลก จากจังหวะที่ ลิโอเนล เมสซี่ ยกบอลให้กับ กอนซาโล่ อิกวาอิน ซัดบอลผ่านมือ นอยเออร์ เข้าไปตุงตาข่าย แต่โชคร้ายที่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าซะก่อน

นาทีต่อมา โยอัคคิม เลิฟ จำเป็นต้องส่ง อันเดร เชือร์เล่ ลงสนามแทน คริฟตอฟ คราห์เมอร์ ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บ

ถึงตรงนี้ทั้งสองทีมต่างเปิดเกมแลกกันอย่างสนุก แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เด็ดขาดกันเอง

นาทีที่ 37 เยอรมัน โต้กลับมาบ้าง ก่อนที่ เชือร์เล่ จะได้ซัดในพื้นที่อันตราย แต่ เซร์คิโอ โรเมโร่ ยังบินปัดเอาไว้ได้อย่างสุดยอด

นาทีที่ 40 "ฟ้าขาว" น่าจะได้ประตูขึ้นนำแบบสุดๆ หลัง เมสซี่ เจ้าเก่าหลุดทะลุไปถึงในกรอบก่อนจะล้มตัวกวาดบอลมาให้ อิกวาอิน แต่หัวหอกรายนี้ชาร์จไม่โดน ทำเอาแฟนๆ เมืองเบียร์หวาดเสียวไปตามๆ กัน

สามนาทีต่อมา "อินทรีเหล็ก" ก็หวิดจะได้ประตูขึ้นนำเช่นเดียวกัน เมื่อ โอซิล ไหลให้ โทนี่ โครส ได้เแปเน้นๆ บอลทำท่าจะเข้าอยู่แล้ว แต่ โรเมโร่ พุ่งสุดปลายมือปัดออกไปได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้ง

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เยอรมัน พลาดโอกาสทองแบบโชคร้ายสุดๆ หลัง โครส เปิดลูกเตะมุมมาให้ เบเนดิคท์ โฮเวเดส เทคตัวโขกเต็มศีรษะบอลพุ่งไปชนเสาดังลั่น ก่อนจะกระดอนมาเข้าทาง โธมัส มุลเลอร์ แต่ทว่าเจ้าตัวโดนจับล้ำหน้าไปก่อน

จบครึ่งแรก เยอรมัน กับ อาร์เจนติน่า ยังเสมอกันแบบไร้สกอร์ 0-0


เริ่มครึ่งหลัง ซาเบย่า กุนซือทัพ "ฟ้าขาว" ส่งทีเด็ดอย่าง เซร์คิโอ อเกวโร่ ลงมาแทน เอเซเกล ลาเวซซี่

นาทีที่ 47 เมสซี่ หลุดเดี่ยวเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนจะตัดสินใจสับไกด้วยซ้ายข้างถนัด แต่โชคร้ายที่บอลพุ่งเฉี่ยวเสาออกไปอย่างแน่เสียดาย โดยที่ นอยเออร์ หมดสิทธิ์เซฟแล้ว

เจ็ดนาทีต่อมา อันเดร เชือร์เล่ ลากบอลมาทางกราบซ้าย ก่อนไหลทะลุช่องให้ โธมัส มุลเลอร์ หลุดกับดักล้ำหน้า แต่เจ้าตัวซัดไปติดบล็อคแนวรับ "ฟ้าขาว" ซะงั้น

นาทีที่ 57 กอนซาโล่ อิกวาอิน พยายามจะสปีดไปรับบอลบริเวณฝั่งขวา ในกรอบเขตโทษของ เยอรมัน แต่ มานูเอล นอยเออร์ ลอยตัวมาชกบอลออก แต่เข่านั้นไปฟาดหน้า อิกวาอิน เข้าอย่างจัง แต่ผู้ตัดสินกลับเป่าให้ เยอรมัน ได้ฟาล์ว ทำเอาหัวหอกอาร์เจนไตน์รายนี้ถึงกับฟิวส์ขาด

นาทีที่ 64 แฟนๆ อาร์เจนติน่า เสียวกันทั้งโลก หลัง ฮาเวียร์ มาสเชราโน่ ไปล้มตัวเสียบ มิโรสลาฟ โคลเซ่ จากข้างหลัง ยังดีที่ นิโคล่า ริซโซลี่ เปาจากอิตาลี ยังใจดีให้เป็นแค่ใบเหลือง

นาทีที่ 71 แข้ง "อินทรีเหล็ก" ขว้างโอกาสทองอีกแล้ว หลังหลุดเข้ามาในกรอบของ อาร์เจนติน่า กันเป็นพรวน แต่จังหวะสุดท้าย เชือร์เล่ ทำบอลลั่นไปเข้าซอง โรเมโร่ อย่างน่าเขกกะโหลกตัวเอง

นาทีที่ 75 เมสซี่ หลุดกับดักล้ำหน้าอีกครั้ง ก่อนจะเลี้ยงตัดเข้ากลางละซัดด้วยซ้าย แต่บอลมันยังโค้งไม่พอ หลุดกรอบออกหลังไป

ก่อนหมดเวลา 12 นาที ซาเบย่า ตัเสินใจถอด กอนซาโล่ อิกวาอิน ออก ก่อนส่ง โรดริโก้ ปาลาซิโอ ลงมาแทน

และจากจังหวะต่อเนื่อง เมสซี่ มีโอกาสโชว์สเต็ปกระชากแหวกแนวรับ เยอรมัน แต่จังหวะสุดท้ายแตะยาวไป นอยเออร์ ออกมาล้มตัวรับได้อย่างไม่มีปัญหา

นาทีที่ 82 เยอรมันน่าจะได้ประตูขึ้นนำแบบสุดๆ จากจังหวะที่ โอซิล ไหลมาให้ โทนี่ โครส ไปแปเน้นๆ หน้าหัวกะโหลก แต่บอลหลุดกรอบไปแบบน่าเสียวไส้สุดๆ

ช่วงนี้ อาร์เจนติน่า เริ่มจะเน้นเกมรับมากขึ้นหลังจากมีจังหวะโดนโต้กลับมาน่าหวาดเสียวหลายครั้ง

ก่อนหมดเวลาสองนาที เลิฟ ถอด โคลเซ่ ออกมาพัก ก่อนจะส่งตัวจี้ดอย่าง มาริโอ เกิร์ทเซ่ ลงมาแทน

หลังจากนั้น ทั้งสองทีมต่างเริ่มเดินเกมด้วยความรัดกุม เพื่อหวังไปลุ้นกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ ครบ 90 นาที ยังเสมอกันด้วยสกอร์เดิม 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที


ออกสตาร์ทในช่วงต่อเวลาพิเศษได้เพียงแค่นาทีเดียว เยอรมัน เกือบจะพังประตูขึ้นนำไปก่อน จากจังหวะที่ อันเดร เชือร์เล่ รับบอลในกรอบเขตโทษก่อนจะตัดสินใจยิงแปๆ แต่บอลนั้นไปติดเซฟ โรเมโร่ เข้าอย่างจัง ก่อนที่กองหลังทีม "ฟ้าขาว" จะสกัดทิ้งออกมาได้อย่างหวุดหวิด

นาทีที่ 93 อาร์เจนติน่า เปิดเกมแลกเข้าใส่อย่างน่ากลัว เมื่อ เมสซี่ ลากบอลขึ้นมาทางฝั่งซ้าย ก่อนจะตบเข้าในให้ อเกวโร่ แต่บอลนั้นผ่านหน้าปากประตูไปอย่างน่าเสียดาย

ห้านาทีต่อมา ทัพ "ฟ้าขาว" โยนโอกาสทองทิ้งไปอีกหน หลัง ปาลาซิโอ หลุดไปดวลกับ นอยเออร์ ทว่าเจ้าตัวเลือกที่จะกระดกบอลด้วยเท้าขวาบอลหลุดกรอบไปแบบไม่ได้ลุ้นเลย เสียของจริงๆ

ถึงตรงนี้ นักเตะหลายๆ คนเริ่มจะออกอาการล้า และตะคริวให้เห็น

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมยังไม่สามารถทำประตูกันได้ ครบ 15 นาทีแรกของการต่อเวลาพิเศษ เยอรมัน ยังเสมอ อาร์เจนติน่า อยู่ 1-1


เริ่มช่วงต่อเวลาพิเศษในครึ่งหลัง ยังคงเป็น เยอรมัน ที่เดิมเกมบุกเข้าใส่หวังปิดเกมในช่วงเวลาที่เหลือให้ได้ แต่ยังไม่สามารถเจาะแนวรับของ อาร์เจนติน่า ได้เลย โดยเฉพาะ มาสเชราโน่ ที่เล่นดีจริงๆ

จนแล้วจนรอด เยอรมัน ก็มาได้ประตูขึ้นนำสำเร็จ จากจังหวะที่ อันเดร เชือร์เล่ ครอสบอลมาให้ มาริโอ เกิร์ทเซ่ พักบอลก่อนล้มตัวยิงบอลพุ่งตุงตาข่ายชนิดที่สะใจแฟนบอล "อินทรีเหล็ก" ทั้งโลก เยอรมัน 1-0 อาร์เจนติน่า

หลังจากนั้น อาร์เจนติน่า บุกหนักชนิดแทบจะพลิกแผ่นดินล่าประตู แต่สุดท้ายไม่ทันการ จบเกม  "อินทรีเหล็ก" เยอรมัน สามารถเอาชนะ "ฟ้าขาว" อาร์เจนติน่า ไปได้อย่างเฉียดฉิว 1 ประตูต่อ 0 จากประตูชัยของ มาริโอ เกิร์ทเซ่ ที่ลงสนามมาเป็นซูเปอร์ซับในนาทีที่ 113 คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 ไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ถือเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 4 ของแข้ง "อินทรีเหล็ก" อีกด้วย ส่วน อาร์เจนติน่า ต้องอกหักในรอบชิงชนะเลิศอีกครั้ง หลังเคยพ่ายต่อ เยอรมัน ในนัดชิงฟุตบอลโลกปี 1990 ที่ อิตาลี มาแล้ว

 

อาร์เจนตินา : เซร์คิโอ โรเมโร่ - ปาโบล ซาบาเลต้า, มาร์ติน เดมิเคลิส, เอเซเกล การาย, มาร์กอส โรโฮ - เอ็นโซ เปเรซ, ฮาเวียร์ มาสเชราโน่, ลูคัส บิเกลีย - ลีโอเนล เมสซี่ (กัปตันทีม), กอนซาโล่ อิกวาอิน, เอเซเกล ลาเวซซี่

เยอรมัน : มานูเอล นอยเออร์ - ฟิลิปป์ ลาห์ม (กัปตันทีม), เยโรม บัวเต็ง, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, เบเนดิคท์ โฮเวเดส - บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, คริสตอฟ คราห์เมอร์ - โธมัส มุลเลอร์, โทนี่ โครส, เมซุต โอซิล - มิโรสลาฟ โคลเซ่

ผู้ตัดสิน: นิโกล่า ริซโซลี่ (อิตาลี)

Thailand Web Stat