ปฏิรูปประเทศไม่ง่าย ห้ามใจร้อน-อย่าผลีผลาม
ระยะเวลาเกือบ 2 เดือน ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ
ระยะเวลาเกือบ 2 เดือน ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ ได้สยบความเคลื่อนไหวของทุกกลุ่มการเมือง ทำให้สถานการณ์บ้านเมืองเข้าสู่สภาวะปกติ สลายขั้วอำนาจการเมือง โยกย้ายข้าราชการระดับสูง กวาดล้างปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น พร้อมทั้งเปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อนำประเทศสู่การปฏิรูปครั้งใหญ่
หนึ่งในกลุ่มการเมืองและเป็นบุคคลที่พยายามผลักดันให้เกิดการปฏิรูปประเทศมาโดยตลอดอย่าง หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ได้มีมุมมองต่อการทำงานของ คสช.ในการปฏิรูปประเทศไว้อย่างน่าสนใจ ทั้งการออกปากสนับสนุน คสช.อย่างเต็มที่ และแสดงความห่วงใยในบางประเด็น
หลวงปู่พุทธะอิสระ บอกว่า การที่ คสช.ระดมความคิดเห็นประชาชนทุกภาคส่วนเป็นเรื่องที่ดีมาก เป็นความพยายามจะปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ แต่ต้องยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายดังเช่นการสร้างกรุงโรม ย่อมไม่ได้สร้างให้เสร็จได้ภายในวันเดียว
“เห็นด้วยกับแนวทางของ คสช.ที่จะจัดระเบียบสังคม ปฏิรูปกระบวนการของข้าราชการและจัดการกับการทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ทั้งหมดจะทำได้จริงเป็นรูปธรรมหรือไม่ ต้องตามดู เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ฉันบอกกับคุณประยุทธ์ไปว่า จะทำคนเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยข้าราชการ แล้วถ้าข้าราชการยังมีหัวใจเป็นทาสของนักการเมือง ไม่มีสิทธิทำได้ ยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย การใช้เวลาแค่ 12 ปี ยากในการแก้ปัญหา ยกเว้น 510 ปีขึ้นไป” หลวงปู่ กล่าว
สำหรับแนวทางที่หลวงปู่พุทธะอิสระเห็นว่าจะทำให้การปฏิรูปประเทศเดินหน้าไปได้ การปฏิรูปที่ควรจะเป็น คือ ต้องทำให้กฎหมายกลับมาเป็นกฎหมาย ทำให้บ้านเมืองสะอาดมากขึ้น ทำให้เส้นแบ่งของสังคมแต่ละภาคส่วนชัดเจนมากขึ้น อย่าปล่อยให้ใครมาล้ำเส้นเหมือนกับหลายปีที่ผ่านมา
“ณ เวลานี้ คสช.ทำงานได้มากพอสมควร ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมชัดเจน คือ การไปทวงคืนผืนป่า อันนี้ชอบใจมาก เรารู้สึกว่ามันเป็นผลประโยชน์ของชาติที่ชัดเจนที่จับต้องได้ อันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ พยายามทำให้ถูกกฎหมาย แม้จะไม่ถูกใจใครก็ตาม ต้องเอากฎหมายเป็นเกณฑ์ ฉะนั้นกฎหมายปฏิรูปที่ดินยังต้องตามต่อไป เพราะว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ฉบับที่ 11 มีธนาคารที่ดิน คือจะต้องจัดสรรที่ดินให้กับคนยากคนจน”
“ฉันเป็นคนตัวตั้งตัวตีที่ จ.เชียงใหม่ บอกโครงการเลยว่าคนที่อยู่ป่าต้นน้ำจะมีหน้าที่อนุรักษ์ป่า และกลางน้ำ ปลายน้ำต้องมีหน้าที่สนับสนุนคนต้นน้ำให้ได้รับค่าเลี้ยงบุตร ค่ายังชีพ ค่ารักษาพยาบาล แม้กระทั่งการประกอบอาชีพ รวมทั้งตลาดสินค้ากลาง ที่คนกลางน้ำกับปลายน้ำจะได้รับประโยชน์ ต้องให้การดูแลคนเหล่านี้ด้วย”
นอกจากนี้ หลวงปู่พุทธะอิสระเล็งเห็นอีกว่า การเปิดโอกาสให้แต่ละภาคส่วนได้เสนอความคิดเห็นปฏิรูปประเทศถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยในที่นี้หลวงปู่พุทธะอิสระได้เสนอโมเดลตั้ง “สภาสถาบันการเมือง” ที่จะเป็นการตั้งสภาที่รวบรวมประชาชนจากหลากหลายอาชีพ ทำหน้าที่ตรวจสอบนักการเมือง ตรวจสอบนโยบายประชานิยม
“วันก่อนไปเสวนากับมหาวิทยาลัยราชภัฏและนักศึกษาจาก 5 สถาบันมารวมกัน ก็บอกเขาไปว่าต้องมีสภานี้ ซึ่งทุกคนก็เห็นชอบด้วย แล้วก็พร้อมที่จะสนับสนุน แล้วก็ฝากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดไป เดี๋ยวจะโทรไปเช็กว่าแบบฟอร์มที่ให้ไปเสนอไปทาง คสช.ยัง เราก็ไม่อยากจะไปข้ามขั้น ไม่อยากใช้อภิสิทธิ์ชนอะไร เพราะอยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามระบบ” หลวงปู่ กล่าวเน้นเสียง
หลวงปู่พุทธะอิสระแสดงความคิดเห็นอีกว่า แม้ในอนาคตจะมีรัฐธรรมนูญและจัดตั้งรัฐบาลแล้ว แต่ควรให้ คสช.ทำงานต่อไปเพื่อช่วยเหลือสนับสนุนรัฐบาล โดยรัฐบาลจะต้องทำหน้าที่ไปตามกรอบรัฐธรรมนูญเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของประชาชน และต้องไม่ใช้ประชานิยมเป็นนโยบายหลัก
“อยากให้ประชาชนคนไทยทุกคนยอมรับว่า บ้านเมืองเราต้องมีกระบวนการปฏิรูป และที่เราสู้กันตลอดมาก็เพื่อจะให้บ้านเมืองไปสู่เป้าหมายที่ชัดเจน เป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ ที่ไม่ได้ก่อเกี่ยวกับพวกต่างชาติและยุโรปหรือว่าฝรั่ง เพราะประชาธิปไตยแบบไทยๆ นั้น คือประชาธิปไตยที่อยู่ในกระบวนการความคิดที่ว่า เราต้องเคารพศักดิ์และสิทธิของกันและกัน ไม่ใช่ประชาธิปไตยมีสิทธิอันยิ่งใหญ่ที่ไม่เคารพผู้ใหญ่ อันนี้จะมาบอกเป็นประชาธิปไตยไม่ได้ ประชาธิปไตยที่แท้จริง คือ ต้องเคารพศักดิ์และสิทธิของกันและกัน”
“อยากฝาก คสช.อีกว่า อย่าเพิ่งรีบร้อนผลีผลามทำอะไร เพราะว่าปัญหาขณะนี้ถูกสะสมมาเป็นเวลา 10 ปี จะใช้เวลาแค่ปีสองปีแก้ไขย่อมไม่มีทางเป็นไปได้ ถ้าเป็นไปได้ใช้เวลาให้เยิ่นเย้อออกไปเป็น 3 ปี 5 ปี ได้ไหม ก่อนที่จะมีกระบวนการเลือกตั้งเกิดขึ้น ถามว่าเพื่ออะไร ก็เพื่อให้พวกหนอนบ่อนไส้เฉาตายไปก่อน หรือให้แพ้ภัย หมดเรี่ยวแรงไป ก่อนคุยเรื่องกระบวนการเลือกตั้ง แล้วถามว่าสังคมจะอยู่ได้อย่างไร คุณก็จะต้องพิสูจน์ฝีมือ ทำให้สังคมไทยยอมรับว่า คนไทยอยู่กับ คสช.แล้วมีความสุข ไม่ใช่คนไทยอยู่กับ คสช.แล้วทุกข์ คสช.ต้องพิสูจน์ตัวเอง”
หลวงปู่พุทธะอิสระสรุปว่า การทำงานของ คสช.ที่ผ่านมาเกือบ 2 เดือน มีแนวทางหลายเรื่องที่ตรงกับความคิดของตนเอง ทั้งในเรื่องศีลธรรม ตัวอย่างเช่นกระบวนการคิด ในสภาศีลธรรมมันจะตรงกันหมด แม้กระทั่งเรื่องการศึกษา มีวิชาประวัติศาสตร์ วิชาการเมือง วิชาศีลธรรม หน้าที่พลเมืองศีลธรรม
“คล้ายๆ กับที่เราเขียนไว้ในสภาศีลธรรมคุณธรรมแห่งชาติ แม้แต่เรื่องพลังงาน เขาก็ประกาศออกมาชัดว่าต้องศึกษาอีกยาว ยังหาข้อยุติไม่ได้ เพราะข้อมูลต่างๆ มันขบมันกัดกัน ต้องใช้การศึกษา แต่บ้านเมืองต้องเดินต่อไป ก็เอาคนที่ชำนาญงานตั้งขึ้นมาก่อน แต่ขณะเดียวกันก็ค่อยๆ ตามไปสืบค้นดูแล้วหาวิธีแก้ไข ยังต้องมีการปฏิรูปกันต่อไป เรื่องของชาวนาเขาก็พูดไว้ชัดว่า จะหาวิธีการลดต้นทุนการผลิต หาวิธีจัดโซนนิ่งเกษตร ซึ่งเราก็เขียนไว้อยู่ในสภาชาวนาและเกษตรกร รวมทั้งยุ้งฉางชุมชน มันตรงกับสภาชาวนาที่เราเขียนหมด”
“ท้ายที่สุดการปฏิรูปจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากยังมีนักการเมืองที่พยายามล็อบบี้ข้าราชการไม่ให้นำเรื่องลงสู่ภาคประชาชน จึงได้เชิญคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมาคุยเรื่องนักการเมืองไปเรียกเก็บส่วยทางหลวงชนบท เวลานี้ ป.ป.ช.มีความสำคัญอย่างมากที่จะป้องกันไม่ให้มีคนทุจริตชาติ” หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวทิ้งท้าย