posttoday

บริกรรมภาวนาบวช 'ป่าสาละวิน'

20 กรกฎาคม 2557

เสียงคำสวดกู่ก้องผืนป่าสาละวินตลอดระยะทางขนาบแม่น้ำ 2.5 กิโลเมตร ยังให้เกิดความขลัง

เสียงคำสวดกู่ก้องผืนป่าสาละวินตลอดระยะทางขนาบแม่น้ำ 2.5 กิโลเมตร ยังให้เกิดความขลังจากการบริกรรมคาถาบูชาภูตผีของพ่อเฒ่าชาวกะเหรี่ยง อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน สอดประสานกับบทสวดบวชป่าตามวิถีพุทธและพิธีตามศาสนาอิสลาม ...ไม้สักทองต้นแล้วต้นเล่าถูกคาดด้วยผ้าเหลือง

“เราเกิดในป่าต้องรักษาป่า เห็นคนตัดไม้แล้วทำใจไม่ได้ มันเหมือนมาทำร้ายเรา” สุภาพ นุชวงค์ตาล ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 บ้านแม่สามแลบ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย บอกไว้อย่างนั้น

การบวชป่าตามพิธีพุทธและการสาปแช่งตามวิถีผู้นับถือผี เป็นความเชื่อของชาวกะเหรี่ยงที่สืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น โดยเชื่อกันว่าหากผู้ใดตัดไม้หรือทำร้ายสิ่งมีชีวิตในบริเวณที่ผ่านพิธีบวชป่าจะต้องมีอันเป็นไป

แต่นอกจากความเชื่อในเชิงจิตวิทยาแล้ว ชาวบ้านทั้ง 3 ศาสนา ยังได้จัดเวรอาสาสมัครสับเปลี่ยนหมุนเวียนเฝ้าระวังด้วย

ย้อนกลับไปในอดีต ...เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ผืนป่าแห่งนี้อุดมด้วยขบวนการลักลอบตัดไม้ จากนั้นก็สาบสูญไปจนกระทั่งเมื่อปี 2556 ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ชาวบ้านพบชายฉกรรจ์และรถบรรทุกเข้าออกในป่าเขต อ.สบเมย ได้ยินเสียงเลื่อยแผดผาดขึ้นอีกครั้ง ความหวาดกลัวอิทธิพลผู้คุกคามเข้าปกคลุม

“ตกค่ำชาวบ้านไม่กล้าเดินทางแล้ว กลัวไปเจอพวกตัดไม้ พวกมันขู่จะทำร้ายถ้าไปบอกเจ้าหน้าที่” ชาวกะเหรี่ยงคนหนึ่งเล่าให้ฟัง

คะเนกันว่าแต่ละคืนมีการตัดไม้ไม่ต่ำกว่า 30 ต้น พิจารณาจากการล่องแพไม้ท่อนราว 4-5 แพ/คืน ในช่วงเดือน สิ่งที่น่าแปลกใจคือการตรวจตราของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ แม้จะมีหลายหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรง แต่กลับยังพบปัญหาอยู่ซ้ำซาก

“เจ้าหน้าที่ตั้งจุดตรวจตลอดทางมันยังรอดไปได้ ส่วนที่จับได้ก็พวกหางแถว ชาวบ้านบางคนซวย เพราะ เก็บไม้ไว้สร้างบ้านเท่านั้น ถูกเจ้าหน้าที่ยึดไปหมด

“เขาก็เน้นทำกลางคืน ยิ่งช่วงหน้าฝน น้ำขึ้นยิ่งล่องไม้ง่ายเพราะน้ำขึ้นสูง ส่วนใหญ่จะล่องไม้ไปแปรรูปฝั่งพม่าเข้ามาทางเมียวดี แล้วตีกลับมาทางแม่สอด (จ.ตาก) ส่วนที่ขนทางรถก็ยังเห็นอยู่ แต่เขาขนผ่านด่านหมด” ใครบางคนเล่าให้เราฟัง

พล.ต.คู่ชีพ เลิศหงิม ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร เล่าว่า ที่ผ่านมามีการตั้งจุดตรวจเฉพาะตอนกลางวัน เมื่อขบวนการลักลอกตัดไม้รู้ก็จะเลือกเวลากลางคืนในการลงมือ โดยหลังจากนี้จะมีการเพิ่มกำลังให้ตรวจตราทั้งกลางวันและกลางคืน

“เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการบางรายที่ส่อพฤติกรรมมิชอบต้องจัดการอย่างเด็ดขาด และคนในพื้นที่ต้องมีบทบาทตรวจสอบเพื่อเฝ้าระวังอย่างแข็งขัน เพื่อป้องกันการทุจริตของเจ้าหน้าที่” พล.ต.คู่ชีพ พูดชัด

รศ.เพิ่มศักดิ์ มกราภิรมย์ รองประธานอนุกรรมการด้านที่ดินและป่า ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เสนอว่า ควรแก้ปัญหาที่ต้นตอคือเรื่องความต้องการไม้ โดยต้องสร้างกลไกการสืบค้นและพิสูจน์ที่มาของไม้อย่างชัดเจน นั่นเพราะหลักฐานของราชการไม่เพียงพอ ที่สำคัญยังสามารถสร้างหรือซักฟอกให้ถูกกฎหมาย

“ต้องให้ประชาชนร่วมกับรัฐตั้งระบบตรวจสอบติดตามไม้ รัฐทำฝ่ายเดียวล้มเหลว เสียงบประมาณเปล่า อีกทั้งยังขาดความโปร่งใสไม่สามารถสู้อิทธิพลทุนได้” อาจารย์เพิ่มศักดิ์ บอก

รอยเลื่อยยังไม่เลือนหายจากไม้ใหญ่ในผืนป่าสาละวิน นายทุนเฝ้ารอวันที่ข่าวนิ่งเงียบ

ระหว่างที่บทสวดกำลังดำเนินไป หญิงสาวชาวกรุงถามแม่เฒ่าชาวกะเหรี่ยงว่า ต้นไม้ที่ปลูกวันนี้ต้องใช้เวลาอีกกี่ปีถึงจะโต

แม่เฒ่ามองไปข้างหน้า ...ชั่วอายุเธอคงจะยังไม่พอ