สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี (1)

10 สิงหาคม 2557

สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี มีพระนามเดิมว่า “นาค หรือ นาก” ประสูติเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2280

สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี มีพระนามเดิมว่า “นาค หรือ นาก” ประสูติเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2280 ในแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งกรุงศรีอยุธยา เป็นธิดาของคณบดีชาวมอญ บ้านบางช้าง ต.อัมพะวา อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม มีพระชนกชื่อทอง (พระชนกทอง ณ บางช้าง) พระชนนีชื่อสั้น (สมเด็จพระรูปศิริโสภาค มหานาคนารี) มีพระพี่น้องร่วมบิดามารดา 10 พระองค์ ซึ่งนับเป็นสายสกุลราชนิกุล คือ

1.เจ้าคุณหญิงแวน

2.เจ้าคุณหญิงทองอยู่ สมรสกับท่านตาขุนทอง มีธิดาชื่อ “หงส์” ซึ่งถวายตัวเป็นพระสนมในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

3.เจ้าคุณชายชูโต ต้นสกุล แสงชูโต และ สวัสดิ์ชูโต

4.สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี

5.เจ้าคุณชายแตง

6.เจ้าคุณหญิงชีโพ

7.เจ้าคุณชายพู

8.เจ้าคุณหญิงเสม

9.เจ้าคุณหญิงนวล ต่อมาได้เป็น เจ้าคุณพระราชพันธุ์นวล สมรสกับ เจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค) ต้นสกุล บุนนาค

10.เจ้าคุณหญิงแก้ว สมรสกับ พระยาสมุทรสงคราม ซึ่งมีบรรพบุรุษโดยนับทางบิดาตลอดเป็นเจ้าแสนเช่นกัน ทั้งเจ้าคุณหญิงแก้วและพระยาสมุทรสงครามเป็นต้นสกุล ณ บางช้าง

สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี (1)

 

คุณนาคนั้นมีความงดงามเป็นกุลสตรี ครองตัวเป็นสาวโสดมาจนอายุได้ 23 ปี เพราะบิดามารดาของท่านยังมองไม่เห็นใครในละแวกนั้นที่เหมาะสมให้เป็นคู่ครองได้ จนกระทั่งมีข่าวว่าพระเจ้าเอกทัศน์แห่งกรุงศรีอยุธยาให้ข้าหลวงเที่ยวไปตามหัวเมืองและตำบลใหญ่ๆ ในชนบท สืบหาธิดาผู้มีเทือกแถวที่ดี และมีลักษณะงดงามเพื่อจะจดชื่อส่งเข้าไปถวายพระเจ้าแผ่นดินให้ทรงเลือก บิดามารดาของนางสาวนาคจึงต้องรีบขวนขวายจัดหาคู่ครองให้โดยเร็ว เพื่อพ้นจากการถูกส่งเข้าไปเป็นนางใน ประจวบกับหลวงยกกระบัตร (ทองด้วง) (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) ข้าราชการหนุ่มรูปงามจากราชบุรีนั่งเรือผ่านมา เห็นนางสาวนาคกำลังปีนต้นไม้ในสวนของบิดาที่ริมคลองเพื่อเก็บผลไม้ แล้วพลัดตกลงมาจุกเสียดอยู่โคนต้น หลวงยกกระบัตรจึงให้หยุดเรือลงไปช่วยแต่อาการไม่ดีขึ้น จึงอุ้มนางสาวนาคลงเรือนำไปส่งบ้าน อาการของนางสาวนาคจึงคลายเป็นปกติ

การถูกเนื้อต้องตัวกันในสมัยนั้นถือเป็นการไม่งดงามสำหรับกุลสตรี หลวงยกกระบัตรจึงต้องให้ท่านบิดา คือ พระอักษรสุนทร (ทองดี) (สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก) มาสู่ขอนางสาวนาคจากพระยาแม่กลอง ผู้เป็นญาติผู้ใหญ่ในสกุลบางช้าง ก็มีการตกลงยินยอมและได้จัดการวิวาห์ขึ้นราวปี 2304 ซึ่งขณะนั้นหลวงยกกระบัตรมีอายุได้ 25 ปี นางสาวนาค มีอายุ 24 ปี

ในปี 2310 พม่าตีกรุงศรีอยุธยาแตก หลวงยกกระบัตรจึงตัดสินใจอพยพครอบครัวเข้าไปอยู่ในป่าลึก ในระหว่างนี้ ท่านแก้ว (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าแก้ว กรมพระศรีสุดารักษ์) พี่สาวของหลวงยกกระบัตร ได้คลอดบุตรหญิงคนหนึ่งตั้งชื่อว่า “บุญรอด” (ต่อมาได้เป็นสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี ในรัชกาลที่ 2) ครั้งเมื่อพระยาวชิรปราการได้รวบรวมกำลังขับไล่พม่าออกไปหมดแล้ว ได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หลวงยกกระบัตรจึงได้อพยพครอบครัวกลับภูมิลำเนาเดิมในช่วงนี้เอง คุณนาคก็ได้คลอดบุตรคนที่ 4 เป็นชาย ชื่อฉิม (พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย) หลังจากนั้นหลวงยกกระบัตรก็ได้กลับเข้ารับราชการอยู่กับสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระราชวรินทร์ เจ้ากรมพระตำรวจนอกขวา จนกระทั่งเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก

ในสมัยกรุงธนบุรี ขณะที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ยังเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกนั้น ได้เกิดเหตุที่ทำให้ทั้งสองพระองค์ทรงขัดเคืองพระทัยกัน สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกนั้นทรงเป็นแม่ทัพไปตีเมืองเวียงจันทน์จนแตกพ่ายย่อยยับไป และได้รับนางคำแว่นเป็นชายาตามธรรมเนียมรบ โดยในครั้งนั้นได้เชิญเสด็จพระราชบุตรในพระเจ้าศิริบุญสาร (นักองค์บุญ) เจ้านันทเสน เจ้าอินทวงศ์ และเจ้าอนุวงศ์ ทั้งยังกวาดต้อนชาวลาวพร้อมทั้งทรัพย์สมบัติมีค่าต่างๆ กลับมายังกรุงธนบุรีด้วย มีบันทึกว่า ทรงเสน่หาในตัวหญิงหน้าตาสวยหมดจดเชื้อสายลาวพุงขาวคนนี้มาก ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้บันทึกไว้ในหนังสือเรื่องโครงกระดูกในตู้ความตอนหนึ่งว่า

“เมื่อเจ้าจอมแว่นมาอยู่ในทำเนียบสมเด็จเจ้าพระยา แล้วท่านผู้หญิง (สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี) ก็หึงหวงมาก มีปากเสียงกับสมเด็จเจ้าพระยาฯ ด้วยเรื่องคุณแว่นนี้อยู่บ่อยๆ จนคืนวันหนึ่งท่านผู้หญิงถือดุ้นแสมไปยืนดักคอยอยู่ในที่มืดบนนอกชานเรือน พอคุณแว่นเดินออกมาจากเรือนหลังใหญ่ อันเป็นที่อยู่ของสมเด็จเจ้าพระยา ท่านผู้หญิงก็เอาดุ้นนแสมตีหัวคุณแว่นก็ร้องขึ้นว่า ‘เจ้าคุณขาคุณหญิงตีหัวดิฉัน’ สมเด็จเจ้าพระยาก็โกรธยิ่งนัก ฉวยได้ดาบออกมาจากเรือนจะมาฟันท่านผู้หญิง ฝ่ายท่านผู้หญิงก็วิ่งเข้าเรือนที่ท่านอยู่ แล้วปิดประตูลั่นดาลไว้ สมเด็จเจ้าพระยาก็เอาดาบฟันประตูอยู่โครมๆ”

เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้คุณฉิม (พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย, ลูกชายคนโต นึกว่าเจ้าคุณพ่อโมโหใหญ่โตเช่นนั้น หากปล่อยไว้เกรงว่าแม่จะได้รับอันตราย จึงช่วยกันกับพี่เลี้ยงเข็นเอาครกตำข้าวมาต่อใต้หน้าต่างเรือนท่านผู้หญิงพลางร้องเรียกให้หนีลงมา และพาหลบหนีไปอยู่ในพระราชวังหลวง โดยอาศัยอยู่ในตำหนักเจ้าจอมฉิมใหญ่ (พระราชธิดาของสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินีกับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ที่เป็นพระสนมเอกในพระเจ้าตากสินมหาราช) เมื่อท่านเจ้าพระยาเข้ามาและเห็นดังนั้น จึงให้นางแว่นรับตำแหน่งดูแลข้าทาสและความเรียบร้อยในเรือนทั้งหมดแทนท่านผู้หญิง

เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้ปราบดาภิเษกสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์และพระบรมมหาราชวังขึ้น สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินีก็มิได้เคยเสด็จเข้ามาประทับในพระบรมมหาราชวังเลย แต่ประทับอยู่ที่พระราชวังเดิมธนบุรีกับเจ้าฟ้าฉิมพระโอรส จะเสด็จมาเยี่ยมพระราชธิดาในพระบรมมหาราชวังแต่เพียงครั้งคราวเท่านั้น ซึ่งจะเสด็จออกจากวังก่อนประตูปิดย่ำค่ำทุกครั้งไป

Thailand Web Stat