posttoday

ศีล 5 คือหลักการ หรือกฏที่สามารถแก้ปัญหาสังคมได้

07 กันยายน 2557

การที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีประชาชนส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนามาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

การที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีประชาชนส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนามาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน จะเห็นว่าหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาเป็นแสงธรรมนำชีวิต เป็นประเพณีและวัฒนธรรมของชาติ ที่ประชาชนคนไทยทุกสาขาอาชีพประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

หลักธรรมหรือกฎเกณฑ์ที่สังคมไทยประพฤติยึดติดเสมอมาคือศีล 5 ปัจจุบันสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ทำการรณรงค์ให้ทุกคนเห็นความสำคัญของศีลยิ่งขึ้น จึงประกาศส่งเสริมหมู่บ้านรักษาศีล 5 โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และคณะสงฆ์ให้การสนับสนุนเต็มที่ ทั้งนี้เพราะการที่ประชาชนรักษาศีล 5 กันทั่วถึงจะทำให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ ซึ่งเป็นนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ด้วย

ลพบุรีต้นแบบหมู่บ้านศีล 5

เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2557 สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้เมตตาประทานป้ายหมู่บ้านรักษาศีล 5 แก่หมู่บ้านต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการในระยะแรกของ จ.ลพบุรี ซึ่งมีหมู่บ้านเข้าโครงการนำร่อง จาก 11 อำเภอ อำเภอละ 1 หมู่บ้าน ทั้งนี้ จ.ลพบุรี แบ่งการดำเนินการหมู่บ้านรักษาศีล 5 เป็น 3 ระยะ

ระยะแรก พ.ศ. 2557 อำเภอละ 1 หมู่บ้าน ซึ่งลพบุรีมี 11 อำเภอ ระยะที่ 2 พ.ศ. 2558 ขยายสู่ตำบล ให้มีตำบลละ 1 หมู่บ้าน รวม 121 หมู่บ้าน ระยะที่ 3 พ.ศ. 2559 ขยายครอบคลุมทุกหมู่บ้าน ทุกอำเภอ ทุกชุมชนรวม 1,122 หมู่บ้าน ทุกหน่วยงาน องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาลเมือง 3 แห่ง เทศบาลตำบล 18 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 104 แห่ง ใช้เวลาดำเนินการ 6 เดือน โดยขับเคลื่อนด้วยการจัดให้มีการประกวด การแข่งขัน และมอบโล่รางวัลประกาศเกียรติคุณเพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติหน่วยงาน หมู่บ้านที่มีผลงานเด่น

หากทำได้ดังนี้ จ.ลพบุรี จะเป็นจังหวัดรักษาศีล 5 ต้นแบบ

ศีล 5 คือกฎของสังคม

พระราชพุทธิวราภรณ์ (ประเทือง อาภาธโร) เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี กล่าวสัมโมทนียกถา ในคู่มือการดำเนินงานโครงการหมู่บ้านศีล 5 ประชาเป็นสุข จ.ลพบุรี ว่า ศีล 5 เป็นหลักการหรือกฎของสังคม และใช้เป็นเครื่องมือแก้ปัญหาสังคมได้ ดังนี้

ศีล 5 คือหลักการ หรือกฏที่สามารถแก้ปัญหาสังคมได้

 

1.ปัญหาการเบียดเบียนประทุษร้ายร่างกาย ชีวิตซึ่งกันและกัน อันเนื่องมาจากความโลภ ความโกรธ ความหลง ทั้งในระดับประชาชนธรรมดา นักการเมือง แม้กระทั่งพระสงฆ์ก็ไม่ยกเว้น ฆ่ากันตายอย่างทารุณโหดร้าย มองเห็นร่างกายและชีวิตของคนเป็นผักปลา ดังปรากฏในข่าวทางสื่อมวลชนทุกวัน ไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้คนขาดศีลธรรม

2.ปัญหาการละเมิดทรัพย์สินของผู้อื่นด้วยวิธีการแห่งขโมย การปล้นจี้ฉกชิงวิ่งราว การหลอกลวงต้มตุ๋น การยักยอก การฉ้อราษฎร์บังหลวง การทุจริตคอร์รัปชั่นในวงราชการ มีคดีขึ้นโรงขึ้นศาลมากมาย จึงเป็นปัญหาสังคมอีกประการหนึ่ง ทั้งนี้ ถ้าหากผู้คนในสังคมมีศีลประกอบสัมมาอาชีพ ปัญหาดังกล่าวนี้ก็จะหมดไป

3.ปัญหาการประพฤติผิดทางเพศ เช่น การคบชู้สู่ชาย การทำลามกอนาจาร การพรากผู้เยาว์ การข่มขืน การค้าโสเภณีข้ามชาติ พ่อข่มขืนลูก ครูอาจารย์ข่มขืนลูกศิษย์ เป็นต้น การกระทำผิดทางเพศ ปัญหาตามมา คือ เสี่ยงต่อโรคร้าย ลูกไม่มีพ่อ ปัญหาการทำแท้ง ปัญหาท้องก่อนวัยอันควร ครอบครัวขาดความอบอุ่น นำไปสู่การแตกแยก การทะเลาะวิวาท ทั้งนี้เพราะผู้คนไม่สำรวมในกาม

4.ปัญหาเกี่ยวกับความไม่ซื่อสัตย์สุจริต เช่น การกล่าวหาโจมตีซึ่งกันและกัน กล่าวหลอกลวงด้วยคำเท็จ เพื่อผลประโยชน์ของตน หรือพวกตนกล่าวยุยงให้แตกแยก ขาดความสามัคคีปรองดอง เป็นต้น นี่ก็เป็นปัญหาสังคม

5.ปัญหาเกี่ยวกับอุบัติเหตุและการทะเลาะวิวาท ซึ่งมีสาเหตุจากการดื่มสุรา เสพยาเสพติด ทำให้บั่นทอนกำลังสติปัญญา ขาดสติสัมปชัญญะ ความยั้งคิด ทั้งนี้ ถ้าหากผู้คนในสังคมสำรวมระวัง เว้นจากการดื่มสุรา เสพยาเสพติดให้โทษ ก็จะช่วยลดอุบัติเหตุ และการทะเลาะวิวาทต่างๆ ก็จะลดน้อยลง

ท่านเจ้าคุณจึงฝากพุทธศาสนิกชนให้เห็นความสำคัญในการรักษาศีลและปฏิบัติธรรม และน้อมนำไปเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตเพื่ออยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างปกติสุข

คำสอนพระอาจารย์มั่น

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ประมวลคำสอนของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ เกี่ยวกับศีลและอานิสงส์ของศีล 5 ดังนี้

คำว่า ศีล ได้แก่ สภาพเช่นไร ศีลอย่างแท้จริงเป็นไปด้วยความมีสติ รู้สิ่งที่ควรหรือไม่ควร ระวังการระบายออกทางทวารทั้งสาม คอยบังคับกาย วาจา ใจ ให้เป็นในขอบเขตของศีลที่เป็นสภาพปกติ ไม่คะนองทางกาย วาจา ใจให้เป็นที่เกลียด นอกจากความปกติงดงามทางกาย วาจา ใจ ของผู้มีศีลว่าเป็นศีลเป็นธรรม

1.สิ่งที่มีชีวิต เป็นสิ่งที่มีคุณค่า จึงไม่ควรเบียดเบียน ข่มเหง และทำลายคุณค่าแห่งความเป็นอยู่ของเขาให้ตกไป

2.สิ่งของของใคร...ใครก็รัก และสงวนไม่ควรทำลาย ฉกลัก ปล้นจี้ เป็นต้น อันเป็นการทำลายสมบัติและทำลายจิตใจกัน

3.ลูก หลาน สามี ภรรยาใคร...ใครก็รักสงวนอย่างยิ่ง ไม่ปรารถนาให้ใครมาอาจเอื้อม ล่วงเกิน เป็นการทำลายจิตใจของผู้อื่นอย่างหนักและเป็นบาปไม่มีประมาณ

4.มุสา การโกหกพกลม เป็นสิ่งทำลายความเชื่อถือของผู้อื่นให้ขาดสะบั้นลงอย่างไม่มีดี แม้เดรัจฉานก็ไม่พอใจคำหลอกลวงจึงไม่ควรโกหกหลอกลวงให้ผู้อื่นเสียหาย

5.สุรา ยาเสพติด เป็นของมึนเมาและให้โทษ ดื่มเข้าไปย่อมทำให้คนดีๆ กลายเป็นคนบ้าได้ ลดคุณค่าลงโดยลำดับ ผู้ต้องการเป็นคนดีมีสติปกครองตัวอย่างมนุษย์จึงไม่ควรดื่มสุรา เครื่องทำลายสุขภาพทางร่างกายและใจอย่างยิ่ง เป็นการทำลายตัวเองและผู้อื่นไปด้วยในขณะเดียวกัน

ศีล 5 คือหลักการ หรือกฏที่สามารถแก้ปัญหาสังคมได้

 

อานิสงส์ของการรักษาศีล 5

1.ทำให้อายุยืน ปราศจากโรคภัยเบียดเบียน

2.ทรัพย์สมบัติที่อยู่ในความปกครอง มีความปลอดภัยจากโจรผู้ร้ายมาราวี เบียดเบียนทำลาย

3.ระหว่างลูก หลาน สามี ภริยา อยู่ด้วยกันเป็นผาสุก ไม่มีผู้คอยล่วงล้ำกล้ำกรายต่างครองกัน อยู่ด้วยความเป็นสุข

4.พูดอะไร มีผู้เคารพเชื่อถือ คำพูดมีเสน่ห์เป็นที่จับใจไพเราะ ด้วยสัตย์ด้วยศีล

5.เป็นผู้มีสติปัญญาดีและเฉลียวฉลาด ไม่หลงหน้าหลงหลังจับโน่นชนนี่เหมือนคนบ้าคนบอ หาสติไม่ได้ ผู้มีศีล เป็นผู้ปลูกและส่งเสริมสุขบนหัวใจคนและสัตว์ทั่วโลกให้มีแต่ความอบอุ่น ไม่เป็นที่ระแวงสงสัยผู้ไม่มีศีลเป็นผู้ทำลายหัวใจคนและสัตว์ ให้ได้รับความทุกข์เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า

ศีลนั้นอยู่ที่ไหน มีตัวตนเป็นอย่างไร ใครเป็นผู้รักษาแล้วก็รู้ว่าผู้นั้นเป็นตัวศีล ศีลก็อยู่ที่ตนนี้ เจตนาเป็นตัวศีล เจตนา คือ จิตใจคนเราถ้าจิตไม่มี ก็ไม่เรียกว่าตน มีแต่กายจะทำอะไรได้ ร่างกายกับจิตต้องอาศัยซึ่งกันและกัน เมื่อจิตไม่เป็นศีล กายก็ประพฤติไปต่างๆ ผู้มีศีลแล้วไม่มีโทษ จะเป็นปกติแนบเนียนไม่หวั่นไหว ไม่มีเรื่องหลงหาหลงขอคนที่หา คนที่ขอ ต้องเป็นทุกข์ ขอเท่าไรยิ่งไม่มียิ่งอดอยากยากเข็ญยิ่งไม่มี

กายกับจิต เราได้มาแล้วมีอยู่แล้ว ได้จากบิดามารดาพร้อมบริบูรณ์แล้ว จะทำให้เป็นศีลก็รีบทำ ศีลมีอยู่ที่เรานี้แล้ว รักษาได้ไม่มีกาล ได้ผลไม่มีกาล ผู้มีศีล ย่อมเป็นผู้องอาจกล้าหาญ ผู้มีศีลย่อมมีความสุข ผู้จักมั่งคั่งบริบูรณ์ สมบูรณ์ ไม่อด ไม่อยาก ไม่จน ก็เพราะรักษาศีลได้สมบูรณ์ จิตดวงเดียว เป็นศีลเป็นสมาธิ เป็นปัญญา ผู้มีศีลแท้ เป็นผู้หมดเวรหมดภัย

(ที่มา : คติธรรม คำสอน ของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ)

ดังนั้น ขอทุกท่านจงมีศีลบริสุทธิ์เทอญ สังคมจะมีความสงบสุข