เลขมงคลทำเงินพันล้าน
ว่ากันว่า...มนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อ
โดย...ทีมข่าวโพสต์ทูเดย์
ว่ากันว่า...มนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อ
คำกล่าวที่ว่า “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” ไม่เคยมีใครเปลี่ยนเป็น “ไม่เชื่อต้องพิสูจน์” ทั้งที่บางเรื่องสามารถพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ แต่บางคนเลือกที่จะเชื่อเพราะทำให้เกิดความสบายใจ
ความเชื่อเรื่องของตัวเลขมงคล ช่วยเสริมพลังชีวิต เสริมดวง เสริมโชคลาภและธุรกิจ ทำให้เกิดธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตัวเลขมูลค่ามหาศาล ตัวอย่างที่ชัดที่สุดคือ ลอตเตอรี่ หรือชื่อทางการคือสลากกินแบ่งรัฐบาล การประมูลเลขทะเบียนรถยนต์ หมายเลขโทรศัพท์เลขสวย ทั้ง 3 ตัวอย่างเป็นธุรกิจที่ใช้ตัวเลขทำการตลาดอย่างชัดเจน และวัดเป็นมูลค่าทางธุรกิจได้
สำหรับคนไทย เลข 9 ถือเป็นเลขมงคล เป็นความก้าวหน้า เจริญงอกงาม ส่วนคนจีนยึดเลข 8 เป็นเลขมงคล เพราะหากวางในแนวนอนจะเหมือนเครื่องหมายอินฟินิตี้ คือไม่มีที่สิ้นสุด เลขอัปมงคลคือเลข 4 ซึ่งออกเสียง สี่ ใกล้เคียงกับคำว่า ซี้ หมายถึงความตาย ชาวตะวันตกถือเอาเลข 6 หรือ 13 เป็นเลขอัปมงคล ซึ่งแต่ละประเทศจะมีความเชื่อที่แตกต่างกันไปตามวัฒนธรรม
ความเชื่อดังกล่าวทำให้ผู้ที่ซื้อรถยนต์และโทรศัพท์มือถือพยายามเป็นเจ้าของเลขมงคล เพื่อความสบายใจ เหมือนที่ ธนภัทร ตันติเสเวกุล ประมูลทะเบียนรถยนต์ “1 กก 1111” ไปในราคาสูงถึง 25 ล้านบาท ราคาที่สามารถซื้อรถยนต์นิสสัน อัลเมร่า ที่เขาเอาทะเบียนไปติดได้ถึง 40 กว่าคัน
ธนภัทรยืนยันว่า ราคาทะเบียนรถที่ได้มาถือว่าไม่แพง เพราะตั้งใจเตรียมเงินประมูลไว้ถึง 50 ล้านบาท ที่ยอมเป็นพ่อบุญทุ่มเพื่อครอบครองป้ายทะเบียนนี้ เพราะเลขสวยและมีความหมายดีมาก หมายถึงการเป็นที่หนึ่ง
ก่อนหน้านี้ เลขทะเบียนสวยจะเป็นที่ต้องการของผู้มีบารมี เป็นอภิสิทธิ์ชน จึงจะขอเลขสวยจากกองทะเบียน กรมตำรวจได้ การแย่งชิงทะเบียนเลขสวยเกิดขึ้นตลอดเวลา จนในที่สุดก็มีการโอนย้านงานทะเบียนรถยนต์มาให้กรมการขนส่งทางบก ในปี 2531 แต่การแย่งชิงเลขทะเบียนก็ไม่ได้ลดลง สร้างความปวดหัวให้กับข้าราชการ จนทำให้ ปิยะพันธ์ จัมปาสุต ซึ่งเป็นอธิบดีกรมการขนส่งทางบกในสมัยนั้น มีแนวคิดแก้ไขปัญหาด้วยการเปิดประมูลเลขทะเบียนรถสวย ซึ่งต้องผ่านการแก้กฏหมายและแก้ไขปัญหามากมาย จนในที่สุดก็คัดเลือกเลขทะเบียน 301 หมายเลข ในแต่ละหมวดมาประมูลแข่งขัน
การประมูลเลขทะเบียนรถยนต์ครั้งแรกเริ่มเมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2546 หมวด ษง จนถึงปัจจุบัน(21 ก.ย.2557 ) เปิดประมูลทะเบียนเลขสวยแล้ว 448 ครั้ง เป็นการประมูลส่วนกลาง 163 ครั้ง และส่วนภูมิภาค 285 ครั้ง ขณะที่รายได้จากการเปิดประมูลเพิ่มขึ้นทุกปี โดยสถิติย้อนหลัง 5 ปี ล่าสุด ตั้งแต่ปี 2552-2556 รายได้จากการประมูลรวมเพิ่มจาก 660 ล้านบาท เป็น 2,834 ล้านบาท ซึ่งช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีการนำเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) เป็นเงินมากกว่า 8,000 ล้านบาท และเงินดังกล่าวนำไปใช้เป็นเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยในการใช้รถใช้ถนน รวมทั้งส่งเสริมศึกษาวิจัยด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เป็นต้น
ปัจจุบันทะเบียนรถที่แพงที่สุด คือ เลข 1 กก 1111 มูลค่า 25 ล้านบาท รองลงมาเป็น 1 กก 1 มูลค่า 12.01 ล้านบาท ญญ 9999 มูลค่า 11 ล้านบาท และฆฆ 9999 มูลค่า 10.11 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม กรมการขนส่งทางบกจะไม่เปิดเผยรายชื่อผู้ชนะการประมูลย้อนหลัง เพราะถือว่าเป็นสมบัติส่วนบุคคล และที่ผ่านมาพบว่ามีบุคคลทั่วไป และบริษัทโบรกเกอร์เข้ามาทำธุรกิจซื้อขายทะเบียนเลขสวย และนำเลขสวยมาประกาศขายผ่านเว็บไซต์ ตั้งแต่หลักหมื่นหลักล้าน ทำให้ธุรกิจนี้มีความเฟื่องฟู และมีเงินหมุนเวียนนับหมื่นล้านบาท
เมื่อมีเลขมงคลก็จะต้องมีเลขอัปมงคล ตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยของมูลนิธิร่วมกตัญญูที่มีความเชื่อในด้านนี้ ระบุว่า เลขทะเบียนของรถนั้น จะดีที่สุดหากทุกตัวรวมกันแล้วไม่ได้เลข 13 เพราะนี่ถือเป็นเลขมรณะ และจากสถิติที่เก็บศพจากอุบัติเหตุรถยนต์ทะเบียนรถที่ชนตัวเองก็เก็บศพจากอุบัติเหตุที่ส่วนใหญ่จะมีเลขทะเบียนไม่ดี บวกแล้วได้เลข 13 แทบจะทั้งสิ้น
อีกทั้ง เลขตัวแรกและเลขตัวสุดท้ายของป้ายทะเบียนก็ไม่ควรบวกกันแล้วได้ 13 รวมถึงเลขคู่แรกและคู่หลังบวกกันแล้วก็ไม่ควรจะมีเลขตัวนี้ออกมา “ลองเขียนเลข 13 ดูสิ เมื่อเขียนเสร็จแล้วตั้งขึ้นนะ จะทำให้อ่านได้คำว่า ผี”
เจ้าหน้าที่คนเดิม บอกอีกว่า นอกจากเลข 13 แล้ว ตัวเลขทั้งหมดของป้ายทะเบียนนั้น ไม่ควรถูกกั้นไว้ด้วยหมายเลข 1 เพราะมีความเชื่อว่าเหมือนโลงศพ เช่น 1221 หรือ 1571 เป็นต้น และเลข 1 นั้น ก็ไม่ควรมาอยู่คู่กัน เช่น 5811 หรือ 1186
“ตัวผมเองเมื่อทำหน้าที่หากเป็นอุบัติเหตุบนท้องถนนก็จะดูเลขทะเบียนก่อน และพูดได้เลยว่ากว่า 80% ที่ไปเห็นมาจะเป็นเลขที่มีลักษณะเข้าข่ายมรณะทั้งสิ้น นี่คือความเชื่อของผม อย่างไรก็ตามตัวเลขจะดีหรือไม่ หากขับขี่ประมาทก็อาจเกิดอุบัติเหตุได้เหมือนกัน” เจ้าหน้าที่กู้ภัย ย้ำ
สำหรับความเชื่อเรื่องเลขมงคลยังคงแรงไม่หยุด หมอดูชื่อดังอย่าง แมนการิน ศตายุ และหมอช้างทศพร ศรีตุลา ที่ขึ้นชื่อว่ามีความรู้ในการทำนายเลขเด็ดเบอร์สวย และได้รับการเชื่อถือจากคนในแวดวงบันเทิงและคนทั่วไป มักจะแนะนำว่าควรจะใช้เลขอะไรแล้วชีวิตจะดีขึ้น แถมมีบริการเสริมให้ลูกค้าที่มาดูดวงด้วยซิมเลขสวย เก็บไว้ให้บริการแก่ลูกค้าที่มาใช้บริการดูดวง ซึ่งจะมีราคาขายเบอร์เริ่มต้นที่ 399 บาท แต่จะมีบางงานอีเวนต์ที่นำซิมเหล่านี้มาแจกฟรี
ในขณะที่มีหมอดูเลขดังบนเว็บไซต์หลายแห่ง ที่มีซิมโทรศัพท์เลขสวยมาขายให้กับผู้สนใจเช่นกัน สนนราคาขายเริ่มต้นที่ 350-450,000 บาท ซึ่งเบอร์ราคาแพงนี้จะลงท้ายด้วย 55 ที่ทำนายว่าตัวเลขที่ได้นั้นดีที่สุดจากค่ายดีแทค รองลงมาคือเบอร์ลงท้ายที่ 66 จากเอไอเอส
ชัยยศ จิรบวรกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มลูกค้า บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า กระแสเบอร์สวยที่มีการทำตลาดมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งได้ร่วมกับหมอช้างในการหาเบอร์สวยมาบริการแก่ลูกค้านั้น มีความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีการบอกต่อเรื่องเบอร์ดี เบอร์มงคล ซึ่งความเชื่อในเรื่องศาสตร์แห่งตัวเลขนั้นต้องมีผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งดีแทคไม่ได้เน้นจำนวนเบอร์เยอะ แต่จะคัดเลือกเบอร์ที่ดีจริง
"เราเริ่มทำตลาดนี้ก่อนคู่แข่ง หลังจากที่มีคนเริ่มซื้อเบอร์มือถือประเภทพรีเพดไปหลายเบอร์ เพราะโลกออนไลน์จะมีหมอดูที่มาหาซื้อและไปกักตุน เราจึงเข้าไปศึกษาตลาดและติดต่อหมอช้างมาร่วมงานกันอย่างเป็นทางการ เพื่อลดปัญหาการซื้อและกักตุนเบอร์ เพราะทาง กสทช.เข้มงวดในเรื่องการนำเบอร์ไปใช้ผิดประเภทมากขึ้น
ด้านจำนวนลูกค้าที่ซื้อไปอาจจะไม่ได้เยอะมากแต่ก็มีมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันดีแทคมีลูกค้าในไตรมาสที่ผ่านมา 28 ล้านเบอร์ จำนวนลูกค้ามงคลอยู่แค่หลักหมื่นเท่านั้น แต่ก็จะเพิ่มเบอร์มงคลเข้าไปเสริมความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ โดยราคาอยู่ที่ 499 บาท
ฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานการตลาดและการขาย บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) กล่าวว่า บริษัททำเบอร์มงคลเสริมตลาด และเลือกหมอแมน แมเธโลจี มาเป็นผู้ทำนายให้ เพราะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงเรื่องการทำนายตัวเลขอย่างมาก คนดังหลายคนที่เปลี่ยนเบอร์ก็มีความพึงพอใจที่หมอดูคนนี้ทำนายผลให้
"ความต้องการเรื่องเลขสวยนั้นมีมานานแล้ว แต่ระยะเวลา 23 ปีหลังมานี้ มีความต้องการในเรื่องของเบอร์มงคลเกี่ยวกับการทำนายความรัก สุขภาพและการงานเข้ามา ซึ่งในเฟสแรกที่เริ่มวางขายตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมา จะมี 5 หมวด คือ ความรัก สุขภาพ การงานและสติปัญญา ราคาขายเริ่มต้นที่ 399 บาท ส่วนในเฟสที่ 2 เป็นการเพิ่มความต้องการ 2 หมวดในเบอร์เดียว คือ ความรักและเงินทอง สติปัญญาและการงาน สุขภาพและการงาน เพราะในหนึ่งเบอร์นั้นลูกค้าย่อมต้องการให้มีสิ่งดีๆ หลายเรื่อง"
จากจำนวนลูกค้าของเอไอเอสทั้งหมดกว่า 42 ล้านราย ตัวเลขของลูกค้าในเรื่องเบอร์มงคลนั้นยังอยู่ที่หลักแสนซึ่งถือว่าไม่ได้สร้างรายได้ให้แก่บริษัทมากนักแต่เรายังคงทำตลาดเบอร์มงคลนี้เพื่อความต้องการของลูกค้ามากกว่า
สำหรับตัวเลขของเบอร์มงคลนั้น จะมีการแบ่งที่หลากหลายประเภทตามความต้องการของผู้ใช้งาน เช่น แบ่งเป็นเกรด เปอร์เซ็นต์ ประเภทของงานและผลรวม โดยผลรวมของเบอร์หากได้ 15 จะหมายถึงพลังแห่งเสน่ห์ ผลรวม 36 เรื่องความรัก ผลรวม 44 เรื่องความสำเร็จ ผลรวม 56 เด่นในด้านสติปัญญา และผลรวม 65 เด่นในเรื่องของความก้าวหน้า
ทั้งนี้ สัดส่วนของตลาดเบอร์มงคลหากรวมจากทั้งสองค่ายยักษ์แล้วอาจจะมีจำนวนไม่ถึง 1 ล้านเบอร์ แต่มูลค่าของการซื้อขายเบอร์มงคลเหล่านี้สูงถึงหลักล้านต่อเบอร์ เพราะเรื่องของความเชื่อที่ว่าเปลี่ยนแล้วจะดียังคงมีอยู่ ซึ่งทำให้เงินหมุนเวียนในธุรกิจเหล่านี้ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องซึ่งต้องคอยดูต่อไปว่ากระแสของเบอร์มงคลจะแข่งกันรุนแรงอีกนานหรือไม่