สนช.เลื่อนถอดถอนนิคม-สมศักดิ์

มีมติสนช.165เสียงเลื่อนถอดเถอนนิคม-สมศักดิ์ไม่มีกำหนด"วิทวัส"ชี้แค่หารือยังไม่เริ่มกระบวนการตามข้อบังคับ

ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีความเห็นร่วมกันให้เลื่อนการพิจารณาคดีถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา จากกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของสว.โดยมิชอบออกไปก่อน
           
ทั้งนี้นายวิทวัส บุญญสถิตย์ สมาชิกสนช. เปิดเผยว่า ที่ประชุมสนช.มีมติ 165 เสียง ต่อ 6 งดออกเสียง 7 คะแนน เพื่องดเว้นการใช้ข้อบังคับการประชุมสนช.พ.ศ.2557 เฉพาะในส่วนการถอดถอน และให้บุคคลพ้นจากตำแหน่งที่กำหนดให้ประธานสนช.ต้องบรรจุระเบียบวาระเรื่องการถอดถอนภายใน 30 วัน ซึ่งหมายความว่าจะมีการเลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด โดยขึ้นอยู่ที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.จะบรรจุระเบียบวาระเรื่องดังกล่าวให้ที่ประชุมสนช.พิจารณาเมื่อใด
           
นายวิทวัส กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้เป็นเพียงการหารือเท่านั้นยังไม่ถือเป็นการเริ่มกระบวนการถอดถอนตามข้อบังคับการประชุม ซึ่งการอภิปรายส่วนใหญ่สมาชิกสนช.เห็นว่าควรเลื่อนการพิจารณาออกไปก่อน เนื่องจากสมาชิกสนช.ยังไม่ได้รับเอกสารที่เป็นรายละเอียดสำนวนการพิจารณาคดีของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)

นายสมชาย แสวงการ สนช. ฐานะเลขานุการกรรมาธิการวิสามัญกิจการ สนช. (วิปสนช.) เปิดเผยถึงเหตุผลที่การประชุมวาระดังกล่าวไม่ได้ข้อยุติ ว่า เป็นเพียงการหารือของสมาชิกฯ ตามการสั่งการของนายพรเพชรเท่านั้นจึงไม่จำเป็นต้องหาข้อยุติใดๆ โดยการอภิปรายที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการเสนอแง่มุมทางกฎหมายของสมาชิกฯ ที่มีความเชี่ยวชาญ โดยไม่ได้ชี้ทิศทางว่าจะต้องรับเรื่องไว้พิจารณาหรือไม่

นอกจากนั้นที่ประชุมเห็นว่าในแง่มุมของการตัดสินมีประเด็นทางข้อกฎหมายที่ต้องพิจารณา จึงต้องการอ่านรายละเอียดของรายงานและสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงที่ ป.ป.ช. ส่งมาให้สนช. จำนวน 9 แฟ้ม ความหนาประมาณ 4,569 หน้าให้เข้าใจในแง่มุมรายละเอียดของความผิดตามกฎหมายที่ป.ป.ช.ได้ระบุไว้ในสำนวนก่อน ทำให้ในท้ายสุดที่ประชุมจึงเห็นร่วมกันขอให้เลื่อนการพิจารณาดังกล่าวออกไป เพื่อให้สมาชิกฯ ได้อ่านรายละเอียดอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ ดังนั้นที่ประชุมจึงได้ลงมติให้เลื่อนการพิจารณา นอกจากนั้นแล้วยังได้ลงมติให้งดเว้นการใช้ข้อบังคับการประชุม สนช. ข้อที่ 149ว่าด้วยการบรรจุวาระถอดถอนในการประชุมภายใน 30 วัน
         
นายสมชาย ปฏิเสธจะเปิดเผยถึงรายละเอียดของการอภิปรายประเด็นของการสร้างความขัดแย้งภายหลังจากที่สนช. รับเรื่องถอดถอนนายสมศักดิ์ และนายนิคมไว้ตามกระบวนการพิจารณา
 
ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่แปลกใจเพราะสนช.ไม่กล้าตัดสินใจ ข้ออ้างว่าต้องศึกษาเอกสาร 4,000 กว่าไม่ใช่ประเด็น เพราะการหารือครั้งนี้ไม่ใช่พิจารณาว่าจะถอดถอนหรือไม่ เพียงแต่เป็นการลงมติว่า จะรับเรื่องนี้ไว้พิจารณาหรือไม่ หากรับไว้พิจารณาสมาชิกก็ใช้เวลาศึกษาเอกสารเหล่านี้ได้ ถือเป็นการแตะถ่วงมากกว่า ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญและเป็นหัวใจของการปฏิรูป 

ที่น่าสังเกตคือ สมาชิกที่อ้างว่าไม่แน่ใจว่ามีอำนาจถอดถอนหรือไม่ หรือคนที่เสนอให้เลื่อนออกไป ส่วนใหญ่มาจากสมาชิกสายทหาร ซึ่งเป็นกำลังหลัก หากมาจากกลุ่มอื่นยังพอที่จะรับฟังได้ แต่เมื่อสายทหารลังเลว่าจะรับหรือไม่รับยิ่งทำให้กลุ่มอื่นเกิดความไม่แน่ใจตาม ถ้าเป็นรูปแบบนี้ คาดว่าน่าจะไม่มีการถอดถอนเกิดขึ้น เพราะสนช.บางคนกลัวคำขู่ของกลุ่มการเมืองบางกลุ่มว่า จะฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ หลายคนไม่อยากขึ้นศาลตอนแก่ การยื้อเวลาออกไปย่อมเป็นผลเสียต่อสถานการณ์บ้านเมืองแน่นอนเพราะกลุ่มต่อต้านสามารถสะสมกำลังรอถึงวันที่ สนช.จะพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง เพราะขณะนี้สังคมต้องการคนกล้ามากกว่าคนดีมาแก้วิกฤตหวังว่าสนช.จะมีมติรับเรื่องไว้พิจารณา.