"ร.ร.หนองชุมแสงวิทยา"...ที่พึ่งสุดท้ายของคนสิ้นหวัง
ย้อนรอย 13ปีโครงการ “น.ส.ว.ขอโอกาส” โรงเรียนหนองชุมแสงวิทยา อ้าแขนต้อนรับเด็กนักเรียนที่ไม่มีใครต้องการ ให้กลับมาเรียนจนจบ
เรื่องและภาพ...ทีมข่าวโพสต์ทูเดย์ออนไลน์
โรงเรียนหนองชุมแสงวิทยา ต.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ก็ไม่ต่างอะไรจากโรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วไปที่มุ่งผลิตนักเรียนคุณภาพให้จบออกไปมีอนาคตที่ดี
ทว่าความพิเศษโดดเด่นที่ทำให้โรงเรียนเล็กๆแห่งนี้มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศคือ นโยบายเปิดโอกาสเด็กที่ใช้ชีวิตผิดพลาดและไม่เป็นที่ต้องการของโรงเรียนอื่นให้กลับมาเรียนหนังสือจนจบอีกครั้ง
โรงเรียนเด็กเหลือขอ?
โครงการ “น.ส.ว.ขอโอกาส” ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2544 มาจากแนวคิดของไมตรี ศรีสกุลไทย อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนหนองชุมแสงวิทยา เพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่ใช้ชีวิตผิดพลาด ทั้งเกกมะเหรกเกเร ชอบทะเลาะวิวาท เสพยา ติดเกมงอมแงม เบื่อโรงเรียน บาดหมางกับครู ลักลอบมีเพศสัมพันธ์จนตั้งครรภ์ ย้ายตามผู้ปกครอง และอีกร้อยแปดพันเก้าที่ไม่สามารถเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 6 ในโรงเรียนเดิมได้ ให้กลับเนื้อกลับตัวมาเรียนหนังสือจนจบอีกครั้ง
“โครงการนี้มาจากเด็กนักเรียนของเรา 3 คนเกิดตั้งท้อง อายไม่กล้ามาโรงเรียน ผู้อำนวยการคนเก่าท่านเลยใช้วิธีให้เด็กมารับงานไปทำที่บ้าน ถึงเวลาก็มาสอบจนเรียนจบ ต่อมาระยะหลังเด็กในพื้นที่ที่มีปัญหาต้องออกกลางคันก็เข้ามาเยอะขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดกลายเป็นว่ามีเด็กจากทั่วประเทศทั้งเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก มาขอสมัครเรียนที่นี่
คนมักมองโรงเรียนหนองชุมแสงวิทยาเป็น 2 ด้าน หนึ่งชื่นชมว่าให้โอกาสเด็ก อีกด้านมองว่าเป็นแหล่งรวมเด็กไม่ดี ผมอยากให้สังคมมองในแง่ที่ว่าเป็นโรงเรียนที่ให้โอกาสเด็กทุกคน เป็นที่พึ่งสุดท้ายของพวกเขา เพราะที่อื่นไม่มีใครให้โอกาสเขาแล้ว”
ยืน เสืออบ รักษาการผอ.รร.หนองชุมแสงวิทยา บอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
โครงการน.ส.ว.ขอโอกาสนำเอาพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาดำเนินจัดการเรียนการสอน แต่เน้นความยืดหยุ่นของหลักสูตร เน้นความต้องการของผู้เรียนเป็นสำคัญ ไล่ตั้งแต่เขียนใบสมัคร ใบมอบตัว ข้อมูลของผู้สมัคร จากนั้นต้องทำสัญญาการเป็นนักเรียน โดยมีพ่อแม่หรือผู้ปกครองตัวจริงมายืนยันการเข้าเรียนด้วย ปัจจุบันเปิดสอนในระดับมัธยมศึกษา 1-6 และระดับปวช.
“เราไม่ได้มุ่งเน้นความเป็นเลิศ ไม่ได้ต้องการคนเก่ง ขอเพียงนักเรียนเป็นคนดี สำนึกดี พร้อมกลับคืนสู่สังคม”
ไม่มีใครไม่เคยทำผิดพลาด ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง --- คล้ายเป็นคำขวัญประจำโรงเรียนที่ทุกคนต่างจำได้ขึ้นใจ
ตอบข้อครหา “เรียน3วันสอบ2วันจบ”
ชื่อของหนองชุมแสงวิทยาดังกระฉ่อนขึ้นอีกครั้ง หลังจากเมื่อเร็วๆนี้มีประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ถึงป้ายโฆษณาหลักสูตรเรียน3วันสอบ2วัน จนถูกสังคมตั้งข้อกังขาว่าเรียนจบไวเกินไปหรือไม่ มีการซื้อขายวุฒิการศึกษาหรือเปล่า
รักษาการผอ.รร.หนองชุมแสงวิทยา ยืนยันว่าเป็นความเข้าใจผิดอันเนื่องมาจากการสื่อสารกำกวมไม่ชัดเจน
“ขออธิบายชัดๆว่า ความหมายของหลักสูตรการเรียน3วันสอบ2วัน ไม่ใช่แค่มาเรียน3วันสอบ2วันแล้วจบเลย แต่มีขั้นตอนมากกว่านั้น ตั้งแต่เริ่มสมัคร โรงเรียนจะให้ผู้เรียนกลับไปศึกษา อ่านหนังสือ กวดวิชาด้วยตัวเองเป็นเวลา 2 เดือน หรืออาจจะน้อยกว่านั้นสำหรับคนที่มีพื้นฐานดี มีเวลามากกว่าคนอื่น แล้วค่อยกลับมาสอบอีก 2 วัน
แต่ความจริงคือ บางคนติดขัดเงื่อนไขต่างๆ เช่น ท้องแก่ต้องคลอดลูก ขอไปเลี้ยงลูกก่อน บางคนย้ายที่ทำงานใหม่หายไปเป็นปีก็มี บางคนอ่านหนังสือไม่ทันมาก็สอบตก ต้องกลับไปอ่านใหม่ หลายคนไม่ได้สอบแค่หนเดียวแต่สอบ 10 ครั้งกว่าจะผ่าน มีอยู่คนหนึ่งใช้เวลาถึง 5 ปีกว่าจะเรียนจบ
ส่วนเรื่องการสอน 3 วันคือการสอนเสริม สอนเพิ่มเติมบางรายวิชาที่ไม่มีในโรงเรียนเดิม เช่น วิชาเพชรบุรี 1 ต้องมีการติวให้ก่อนสอบ”
จนถึงวันนี้ มีนักเรียนในโครงการน.ส.ว.ขอโอกาส จบการศึกษาออกไปแล้วกว่าหนึ่งแสนราย
ข้อครหาเกี่ยวกับการซื้อขายวุฒิการศึกษาในราคาแพง รองผอ.หนองชุมแสงวิทยา แจกแจงว่าเบื้องต้นนักเรียนจะเสียเงินค่าสมัครแรกเข้า 150 บาท หลังเรียนครบ สอบครบ ทำกิจกรรมครบ ต้องจ่ายค่าเทียบโอนอีก 700 บาทตามจำนวนหน่วยกิต สำหรับคนที่ไม่เทียบโอนจะจ่ายค่าหน่วยกิตละ 10 บาท และค่าบำรุงการศึกษา 500 บาท รวมทั้งสิ้นเบ็ดเสร็จแล้วไม่เกิน 1,500 บาทเท่านั้น
“ถ้าซื้อวุฒิจริงๆ ผมเอาสัก 5 หมื่น หรือแสนนึงไม่ดีกว่าเหรอ เรื่องนี้ไปดูใบเสร็จของเด็กที่เรียนจบออกไปก็ได้”น้ำเสียงของเขาหนักแน่น
หัวใจเรือจ้าง
หลายคนอาจสงสัยว่าอีแค่เด็กนักเรียนทั่วไป ครูก็ต้องปวดเศียรเวียนเกล้ามากพออยู่แล้ว ถ้าต้องมาดูแล เด็กที่โรงเรียนอื่นพากันส่ายหัว มิต้องเหน็ดเหนื่อยคร่ำเครียดเป็นทวีคูณหรือ
อุษา โอทองสุข ข้าราชการครูชำนาญการและครูสอนภาษาอังกฤษที่ร่วมปลุกปั้นโครงการน.ส.ว.ขอโอกาสมาตั้งแต่ต้น เผยประสบการณ์ในแง่มุมที่คนภายนอกไม่รู้ให้ฟังว่า
“สังคมอาจมองเด็กพวกนี้ไม่เอาไหน เพราะมีทั้งเด็กเกเร ยกพวกตีกัน ติดยาเสพติด ดื้อจนครูไม่เอา บางคนศาลเยาวชนส่งมาก็มี แต่รู้ไหมว่ากว่า 90 % ของคนที่มาสมัครเรียนที่นี่ ล้วนกระตือรือล้น ตั้งใจเรียน และมีความรับผิดชอบมากกว่าเด็กทั่วไปอีก เพราะเขาสำนึกได้แล้วว่าหนองชุมแสงวิทยาเป็นที่พึ่งสุดท้ายของเขาแล้ว
เด็กบางคนเล่าว่าผมเป็นเด็กไม่เก่ง สติปัญญาไม่ดี ครูโรงเรียนเก่าไม่เคยมองผมเลย สนใจแต่เด็กเก่งๆ บางคนมาจากครอบครัวที่มีปัญหา ถูกเหวี่ยงไปอยู่กับพ่อทีแม่ที บางคนครอบครัวยากจนไม่มีเงินส่งเรียน บางคนร่างกายไม่แข็งแรงเป็นโรคเลือด โรคไต ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยูโรงพยาบาล หรือประสบอุบัติเหตุไม่ได้ไปโรงเรียนนานจนอายุเกิน บางคนมาเป็นคู่สามีภรรยา เพราะตั้งท้องตอนเรียน เลยโดนให้ออกทั้งคู่ แต่ที่นี่รับให้เข้าเรียนทั้งสองคน แม้แต่เด็กเรียนเก่งโรงเรียนดังๆในกรุงเทพแต่มีปัญหากับครู หรือเบื่อระบบก็เยอะ
เราให้โอกาสทุกคน แต่ขึ้นอยู่กับเด็กด้วยว่าเขาอยากจะเรียนจริงๆหรือเปล่า ส่วนใหญ่ไม่สร้างปัญหานะ เขาผ่านมาจุดนั้นมาแล้ว เขาต้องการโอกาสสุดท้ายเพื่อเอาวุฒิไปเรียนต่อ ไปทำงานสุจริต”
ครูท่านนี้เปรียบตัวเองเป็นเพียงเรือจ้าง มีหน้าที่ส่งถึงฝั่ง ที่เหลือก็เป็นชีวิตที่แต่ละคนต้องเลือกเดินเอง
ขอโอกาสกรุยทางสร้างชีวิตใหม่
นก หญิงสาวชาวราชบุรี วัย 33 ปี ศิษย์เก่ารร.หนองชุมแสงวิทยา เล่าว่า หลังจากเรียนจบม.3 ก็เข้าทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ด้วยความที่ต้องการวุฒิการศึกษาเพื่อนำมาปรับฐานเงินเดือนให้ตัวเอง และหาโอกาสเปลี่ยนงานใหม่ที่ให้รายได้สูงกว่า จึงตัดสินใจมาสมัครเรียนม.6ในโครงการน.ส.ว. ขอโอกาส ใช้เวลาเดือนละ 2-3 ครั้ง ลางานเพื่อเดินทางมาเรียน ระหว่างนั้นอ่านหนังสือทบทวนอย่างตั้งใจควบคู่ไปด้วย
"ใครบอกว่าจบง่าย ไม่จริง เพราะต้องมาเข้าเรียน ต้องอ่านหนังสือ ต้องหาโรงเรียนกวดวิชาติวด้วย ถ้าสอบไม่ผ่านก็ต้องซ่อมจนกว่าจะผ่าน มามั่วๆเขาไม่ให้ผ่านอยู่แล้ว ถามว่าจบจากโรงเรียนหนองชุมแสงวิทยาแล้วห่วงเรื่องชื่อเสียงไหม ไม่สนใจนะว่าใครจะพูดว่ายังไง เพราะถ้าโรงเรียนไม่ดีจริง เขาคงไม่สอนคนเรียนให้จบมาได้เป็นแสนคน"
มุก สาวน้อยวัย19 ปี จากอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา อดีตนักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนแห่งหนึ่ง เธอเพิ่งสมัครเข้าเป็นนักเรียนในโครงการ น.ส.ว.ขอโอกาส มาได้เดือนเศษ บอกว่า ตัดสินใจลาออกกลางคัน เพราะอยากทำงานหาเงินมากกว่า ผ่านมาได้เพียง2ปีก็พบว่าการเรียนมีความสำคัญต่อชีวิตจริงๆ เลยตัดสินใจมาเรียนต่อชั้นมัธยมปลายที่นี่ตามคำแนะนำของรุ่นพี่ โดยหวังลึกๆว่าจบเมื่อไหร่ จะได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยให้ทันเพื่อนๆ
“มาอยู่ที่นี่ได้เดือนนึงแล้ว สอบไปแล้ว 5 ครั้ง ตอนนี้ก็เร่งเก็บส่วนที่ยังขาดเพราะมีเทียบโอนด้วย ตอนแรกก็รู้สึกว่าง่ายนะ แต่เอาเข้าจริงก็ยากอยู่ เพราะถ้าคุณไม่รู้เรื่อง ไม่อ่านหนังสือก็สอบไม่ได้ ต้องสอบใหม่ไปเรื่อยๆ นอกจากจะเรียนกับครูแล้ว ยังต้องซื้อหนังสือมาอ่านเองด้วย
เคยจะไปเรียนที่อื่น แต่พอเขาเห็นอายุเราเกินก็ไม่รับ พอรู้จักที่นี่ความรู้สึกเราเหมือนได้โอกาสที่ที่อื่นไม่มี ใครจะมองว่าเป็นแหล่งรวมเด็กไม่ดี เรียนไม่จบ หรือเด็กที่ทำผิดพลาดมาอยู่รวมกันแล้วเละเทะ เอาเข้าจริงพวกเราพากันเรียนนะ ถ้าเขาไม่อยากจบก็คงไม่มา คนที่มาคือคนคิดได้ สำหรับคนที่อยากเรียน กำลังมองหาโอกาส น.ส.ว.ขอโอกาสถือเป็นโครงการที่น่าสนใจ แต่ต้องตั้งใจจริง อยากเรียนจริงๆ"
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ ศิษย์เก่าหลายต่อหลายรุ่นไปได้สวยจนน่าปลื้ม บางคนไปเอาวุฒิการศึกษาที่ได้ไปสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำอย่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ มหิดล บางคนรับราชการเป็นตำรวจ ทหาร แพทย์ พยาบาล บางคนเข้าทำงานในรัฐวิสาหกิจชื่อดัง บางคนบินสูงไปเป็นสจ๊วต บางคนก่อร่างสร้างตัวทำธุรกิจเงินล้าน มีครอบครัวที่ดี มีอนาคตสดใส
“ยอดนักเรียนที่ยังอยู่ในทะเบียนของโครงการน.ส.ว.ขอโอกาสตอนนี้มีอยู่ประมาณ 1.1 หมื่นคน มีทั้งยังเรียนอยู่ หายหน้าหายตามาบ้างไม่มาบ้าง หรือหายสาบสูญไปเลยก็มี แต่เราไม่เคยลบชื่อใครออก พร้อมจะเรียนเมื่อไหร่ก็กลับมา โรงเรียนหนองแสงวิทยาเปิดประตูต้อนรับทุกคนเสมอ”
รอยยิ้มอบอุ่นใจดีของครูที่มีต่อศิษย์รุ่นแล้วรุ่นเล่า ยังคงเปล่งประกายเจิดจ้า ราวกับดวงตะวันที่ส่องแสงสว่างขับไล่ความมืดมิด
นี่คือเรื่องราวของโครงการน.ส.ว.ขอโอกาส โรงเรียนหนองชุมแสงวิทยา สถานศึกษาที่เปิดประตูแห่งโอกาสต้อนรับทุกคนอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าชีวิตคนนั้นจะขาดตกบกพร่อง ร่วงหล่นจมเหว หรือแหลกเละสักแค่ไหนก็ตาม