โฆษกตร.เผย"นพพร"เผ่นนอกประเทศแล้ว
ประวุฒิ เผย "นพพร" เจ้าของธุรกิจหมื่นล้านหลบหนีคดีจ้างวานทวงหนี้ ออกนอกประเทศแล้ว
ประวุฒิ เผย "นพพร" เจ้าของธุรกิจหมื่นล้านหลบหนีคดีจ้างวานทวงหนี้ ออกนอกประเทศแล้ว
เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผย กรณีศาลอนุมัติออกหมายจับ นายนพพร ศุภพิพัฒน์ อายุ 43ปี ประธานบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง บริษัทผลิตไฟฟ้าพลังลม ในข้อหาผิดหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามมาตรา 112 และข้อหาเป็นผู้ใช้จ้างวานและข้อหาอื่นๆว่า จากการสอบสวนพบว่า นายนพพร เป็นลูกหนี้ของ นายบัณฑิต โชติวิทยะกุล นักธุรกิจชื่อดัง จำนวนเงิน 120ล้านบาท และได้มีการจ้างวานกลุ่มผู้ต้องหาที่ตำรวจจับกุมตัวได้ก่อนหน้านี้ โดยได้คุมตัวนายบัณฑิต ไปข่มขู่ย่านพุทธมณฑล โดยบังคับให้นายบัณฑิตลดหนี้จาก120ล้านบาทเหลือ 20ล้านบาท แต่นายบัณฑิตไม่ยอม ซึ่งขณะนี้ตำรวจได้ออกหมายจับนพพร หลายข้อหา
ล่าสุดตำรวจไม่สามารถติดต่อนายนพพรได้ โดยก่อนหน้านี้ 1-2วัน สามารถติดต่อได้ จึงเชื่อว่านายนพพร ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วแต่ไม่ทราบว่าหลบหนีไปประเทศใด และใช้ช่องทางใด
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า เงินที่มีการทวงหนี้จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่า เป็นเงินที่นายบัณฑิตลงทุนให้นายนพพรในการทำธุรกิจ แต่เมื่อถึงเวลาแล้วไม่ยอมชดใช้หนี้ จึงจ้างแก้งค์ทวงหนี้ไปบังคับ ส่วนนายนพพร จะก่อเหตุลักษณะเดียวกันกับคนอื่นหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถยืนได้ ต้องรอสอบปากคำจากตัวนายนพพร
โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังเปิดเผยความคืบหน้าการติดตามนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ เสี่ยโจ้ว่า ขณะนี้ มีผู้หวังดีส่งข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่ ว่า พบเห็น เสี่ยโจ้ กบดานอยู่ใน ประเทศเพื่อนบ้านซึ่งไม่ใช่ ประเทศมาเลเซีย ขณะที่ตามข้อมูลที่ได้มาไม่มีภาพถ่ายยืนยัน แต่ก็สอดคล้องการข่าวของตำรวจชุดสืบสวน ซึ่งทางการไทยได้ส่งหมายแดง แจ้งต่อนานาประเทศแล้ว ว่า ทางการไทยต้องการตัว และหากพบ ข้ามกลับมาในราชอาณาจักรไทย เจ้าหน้าที่จะดำเนินการจับกุมทันที
อย่างไรก้ตามยืนยันว่า เครือข่ายการค้าน้ำมันเถื่อนของเสี่ยโจ้ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายใต้ เป็นเพียงการแสวงหาผลประโยชน์ในธุรกิจผิดกฎหมาย
ส่วนคดีของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ขณะนี้ ยังไม่มีการเพิ่มข้อหา เนื่องจากยังไม่พบความผิดเพิ่มเติม ส่วนการออกหมายจับผู้ต้องหาในเครือข่าย รายล่าสุด คือนายนพพร ศุภพิพัฒน์ ซึ่งเป็น รายที่ 23 ตามความผิดฐานหมิ่นพระบรมราชาณุภาพ ตามประมวลอาญา มาตรา112 /ข้อหาเป็นผู้ใช้จ้างวาน และข้อหาอื่นๆ
สำหรับการสรุปสำนวนคดีนี้ ยัง ไม่มีกำหนด เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบ พิสูจน์ของกลางที่ยึอและอายัดมาได้จำนวนมากและอาจต้องใช้เวลานานกว่า 1 เดือน
ขณะที่ความคืบหน้า ในการติดตามตัวพ.ต.ท.ทรงลักษณ์ ขุนศรี รองผู้กำกับการ 6 กองปราบปราม ขณะนี้ไดัออกหมายเรียกไปแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งทางเจ้าตัวยังไม่ได้ติดต่อกลับมา ซและหากออกหมายเรียกครบ 3 ครั้ง แล้วยังไม่ติดต่อเข้าพบ ทางพนักงานสอบสวน จะดำเนินการ ขออนุมัติหมายจับใขความผิดข้อหาไม่มาให้ถ้อยคำ ตามขั้นตอน ทางกฎหมาย