posttoday

นอนคลุกขี้ควาย

06 ธันวาคม 2557

ผมช่วยงานครอบครัวสารพัดเท่าที่เด็กๆ อย่างผมพอจะทำได้ ผมต้องเรียนรู้วิธีการอยู่ในท้องทุ่ง รู้จักการทำไร่ไถนา

ผมช่วยงานครอบครัวสารพัดเท่าที่เด็กๆ อย่างผมพอจะทำได้ ผมต้องเรียนรู้วิธีการอยู่ในท้องทุ่ง รู้จักการทำไร่ไถนา รู้จักแหล่งที่จะพาควายไปเล็มหญ้า เมื่อหมดหน้าที่ในแต่ละวันแล้วก็จูงควายเดินดุ่มๆ กลับบ้าน

เหตุการณ์เป็นแบบนี้แทบทุกวันไม่มีเปลี่ยนแปลง แม้ผมจะเบื่อ เพราะมองไม่เห็นความก้าวหน้า แต่ผมก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงภาระหน้าที่นี้ได้

ตอนเย็นจะเป็นเวลาที่ผมมีความสุข บ้าง เพราะได้พักผ่อน และทำในสิ่งที่ไม่ใช่งาน สถานที่พักผ่อนของผมก็ไม่ต้องการสถานที่เลิศหรูหรือสลับซับซ้อนอย่างใด แค่นอนหนุนไปบนตัวควายที่เอามานอนพักไว้ในบริเวณบ้านก็ถือว่าเป็นความสุขสำหรับเด็กๆ อย่างผมแล้ว

บ้านของผมเป็นห้องแถวชั้นเดียว ผนังสร้างจากดินที่นำมาจากภูเขา ขนาดกว้างประมาณ 3 เมตร ลึก 5 เมตร หลังคาหน้าจั่วมุงด้วยกระเบื้องลอนเล็กๆ สีเทาอมดำดูเก่าคร่ำคร่า ตรงบริเวณชายคาจะมีลักษณะงอนขึ้นเหมือนสถาปัตยกรรมจีนโบราณที่เคยเห็นในหนังจีนสมัยก่อน

ห้องแถวนี้ปลูกติดกัน ใช้ผนังห้องร่วมกับห้องอื่น มีหน้าต่างเล็กๆ หน้าบ้าน 1 บาน หลังบ้าน 1 บาน ด้านหลังบ้านก็แทบจะชนกับหลังบ้านของห้องแถวที่ปลูกขนานกันไปอีกด้านหนึ่ง ด้านหน้าบ้านเป็นทางเดินแคบๆ คั่นกับหน้าบ้านของห้องแถวอีกฟาก จึงทำให้ภายในบ้านค่อนข้างมืดทึบไม่ค่อยมีแสงสว่าง ลมก็แทบจะไม่พัดเข้ามาในตัวบ้าน ทำให้อากาศในบ้านอวลไปด้วยกลิ่นเหม็นและอับชื้น มีทั้งกลิ่นขี้ควาย ขี้หมู ขี้ไก่ สารพัดปนเปกันอยู่ภายใน เนื่องจากเราต้องนำสัตว์เลี้ยงเข้าไปอยู่ในบ้านด้วย เพื่อป้องกันถูกโจรขโมยไป

นอนคลุกขี้ควาย

 

ห่างไปไม่ไกลจากบ้านเป็นลำน้ำตื้นๆ กว้าง 20 กว่าเมตร มีน้ำตลอดทั้งปี ในช่วงฤดูที่ฝนตกชุกจะมีน้ำไหลเอ่อล้นตลิ่ง ฤดูแล้งก็พอมีน้ำให้ใช้ เว้นแต่เป็นช่วงที่แล้งจัดน้ำจะแห้งขอดไม่มีให้ตักใช้ได้เลย ลำน้ำในจุดที่เยื้องกับหน้าบ้านของผมมีน้ำพุร้อนที่ไหลขึ้นมาจากใต้พื้นโลกตลอดเวลา ความร้อนของน้ำพุร้อนสามารถต้มไข่ให้สุกได้ภายในไม่กี่นาที

บริเวณริมลำน้ำซึ่งเป็นจุดที่มีน้ำร้อนไหลออกมานั้น มีไอน้ำร้อนพวยพุ่งให้เห็นอยู่ตลอดเวลา ชาวบ้านละแวกนั้นพากันนำภาชนะ เช่น ปี๊บ กระป๋อง มารองน้ำพุร้อนเอาไปใช้เป็นประจำ

ทุกวัน ผมเห็นอย่างนี้มาตั้งแต่เกิด สำหรับทางเดินหน้าบ้านเป็นถนนดินแคบๆ ทอดยาวผ่านหน้าห้องแถวที่ปลูกติดๆ กัน มีซอกซอยเล็กๆ แยกย่อยไปยังบ้านต่างๆ ส่วนใหญ่แล้วคนที่อาศัยอยู่จะเป็นญาติหรือไม่ก็รู้จักคุ้นเคยกันมานาน มีอะไรพอช่วยเหลือกันได้ก็จะช่วยกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย เรารักกัน สามัคคีกัน และเราก็ยากจนเหมือนๆ กัน

ถนนหน้าบ้านแคบๆ นั้นเป็นดิน ถ้าฝนตกลงมาถนนก็จะกลายเป็นดินโคลน เวลาเดินจะติดเท้าเละไปหมด หากผมออกจากบ้านแล้วเลี้ยวซ้าย ก็จะเข้าไปในซอกซอยที่มีบ้านอยู่หลายหลัง แต่ถ้าผมเลี้ยวขวา ถนนจะพาไปยังทุ่งนาและภูเขาที่ทอดขวางทะมึนอยู่เบื้องหน้า

แต่ก่อนจะไปถึงทุ่งนา ผมต้องเดินข้ามลำน้ำที่กว้างประมาณ 20 กว่าเมตร บางช่วงแคบ บางช่วงกว้างคดเคี้ยวโอบภูเขาไปทางด้านซ้ายมือ เวลาที่ผมพาควายไปเลี้ยงก็ต้องเดินทางนี้เป็นประจำ

นอนคลุกขี้ควาย

 

ห้องแถวเล็กๆ ที่มีทั้งคนและสัตว์เลี้ยงอยู่ด้วยกัน ย่อมมีสภาพแออัดและไม่เป็นสัดส่วน แต่พวกเราก็อยู่กันได้ คนที่ไม่เคยอยู่หรือไม่เคยลำบากอาจอยู่ไม่ได้ แต่เพราะเราอาศัยอยู่แบบนี้จนเป็นความเคยชินทำให้ไม่รู้สึกว่าลำบากอะไรนัก

สำหรับตัวผมเองนั้น มีที่นอนประจำอยู่แล้ว นั่นก็คือนอนอยู่กับควายนั่นเอง และไม่ใช่เรื่องแปลกที่มักจะตื่นขึ้นมาพบว่ามีขี้ควายเลอะเทอะเปรอะเปื้อนบนเนื้อตัวอยู่เป็นประจำ

บอกตามตรงว่า ผมชินกับเรื่องขี้ควายซะแล้ว

เพราะผมไม่มีที่นอน และผมต้องเฝ้าควาย...ขี้ควายเป็นสิ่งน่าขยะแขยง น่ารังเกียจสำหรับคนทุกคน เพราะขึ้นชื่อว่า “ขี้” ไม่มีใครชอบ ทั้งเหม็นและเปียกแฉะ แต่มันเป็นสิ่งที่ผมต้องพบเจอทุกวัน ไม่สามารถหลีกหนีได้พ้น แม้จะไม่ชอบแต่ก็ไม่รู้จะหนีไปไหน

ถ้ามันเหนอะหนะตัวรำคาญนัก ผมก็ทำได้แค่ออกไปอาบน้ำ อาบเสร็จก็กลับมานอนที่คอกควายอย่างเก่า

ผมต้องเลี้ยงควายมาตั้งแต่เด็กๆ พอจำความได้ก็มีควายให้เลี้ยงแล้ว ผมจึงเป็นเด็กที่วิ่งเล่นไปไหนต่อไหนได้ แต่ก็มีภาระหน้าที่ต้องเลี้ยงควายไปด้วยพร้อมๆ กัน

การเลี้ยงควายก็คือพามันไปกินหญ้า กินน้ำ ไม่ให้มันอดอยาก พื้นที่บริเวณท้องนานั้นไม่ค่อยจะมีหญ้าเท่าไรนัก เนื่องจากเป็นพื้นที่ปลูกข้าว เจ้าของนาต้องไถให้ดินร่วนซุย จะมีหญ้าบ้างก็เพียงเล็กน้อยตามคันนา ซึ่งเป็นแนวเขตแดนและแบ่งแปลงนา แต่ก็ไม่พอให้มันกิน ผมจึงต้องจูงควายขึ้นไปกินหญ้าแถวเชิงเขา ซึ่งอยู่ห่างจากนาไปเป็นกิโลเมตร

ที่นั่นมีหญ้าให้ควายได้กินมากกว่า มันจะเล็มหญ้าแล้วเคี้ยวเอื้องอย่างเพลิดเพลิน ถ้าควายกินหญ้าได้มากเพียงพอ มันจะมีพลังในการลากคันไถเพื่อช่วยชาวนาไถนาได้มากขึ้น ดูๆ ไปแล้วมันก็ผจญกับความอดอยากหิวโหยไม่ต่างจากคนเท่าไร โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับผมแล้ว บางทีผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันกับผมใครหิวกว่ากัน เพราะแต่ละวันยังมองไม่เห็นว่าจะมีอะไรใส่ปากใส่ท้อง พ่อกับแม่จะหาอาหารมาให้พวกเรากินได้หรือเปล่า