เทียนฟ้า โรงพยาบาลแพทย์จีนแห่งแรก และมูลนิธิหมายเลข 1 ของไทย

27 ธันวาคม 2557

ย่านวงเวียนโอเดียน หรือปัจจุบันเป็นที่ตั้งประตูทรงจีน เพื่อบอกว่าท่านเข้ามาสู่ถนนทองคำย่านเยาวราช

ย่านวงเวียนโอเดียน หรือปัจจุบันเป็นที่ตั้งประตูทรงจีน เพื่อบอกว่าท่านเข้ามาสู่ถนนทองคำย่านเยาวราช หรือไชน่าทาวน์อันยิ่งใหญ่ แต่ 2 ฝั่งวงเวียนแห่งนี้ เป็นที่ตั้งสถานศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก คือ หลวงพ่อทองคำ หรือพระสุวรรณปฏิมากร แห่งวัดไตรมิตรวิทยาราม ที่ประดิษฐานในมณฑปสูงใหญ่ สัญลักษณ์แห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร  และพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ในโรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ ส่วนโรงพยาบาลเทียนฟ้า เป็นโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนแห่งแรกของสยามที่มีอายุ 100 ปีเศษ ในส่วนมูลนิธิก็รั้งความเป็นที่ 1 ไว้อีก เมื่อจดทะเบียนเป็นมูลนิธิแห่งแรกของประเทศไทยที่ศาลาว่าการนครบาล ในนามโรงพยาบาลเทียนฮั้วอุยอี้ มูลนิธิ ตั้งที่ ต.สามแยก เลขที่ 688 อ.สัมพันธวงศ์ จ.พระนคร เพื่อรับรักษาและให้ทานยาแก่คนไข้ผู้อนาถา และช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้หมายเลขที่ 1/1  เจ้าพนักงานทะเบียนมีนามว่า พระบรรณศาสสน์สาทร ผู้จัดการมูลนิธิมีนามว่า หลวงสิทธิสุโรปกรณ์ บ้านเลขที่ 633 ถนนทรงวาด อ.สัมพันธวงศ์ จ.พระนคร เป็นผู้จัดการโรงต้มกลั่นสุราของรัฐบาล

ข้อมูลที่ทางฝ่ายบริหารโรงพยาบาลจัดไว้บริการแก่ผู้ที่อยากทราบความเป็นมา เช่น นักเรียนที่มาหาข้อมูลเพื่อทำรายงาน จะได้รับข้อความว่า

เทียนฟ้า โรงพยาบาลแพทย์จีนแห่งแรก และมูลนิธิหมายเลข 1 ของไทย

 

“โรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ ” หรือที่ชาวจีนทั่วไปรู้จักกันในนาม “เทียนฮั้วอุยอี้” เป็นโรงพยาบาลที่ให้การรักษาแบบแพทย์แผนจีนแห่งแรกในประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์ให้การรักษาแก่ประชาชนทั่วไปโดยไม่คิดมูลค่า โรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ สร้างขึ้นเมื่อปี 2446 ซึ่งตรงกับสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยคหบดีชาวจีน 6 ท่าน ซึ่งต่างภาษากัน (เป็นตัวแทนองค์กรชาวจีนมี แต้จิ๋ว กวางตุ้ง แคระ ไหหลำ และฮกเกี้ยน)

พร้อมใจกันอุทิศเงินจำนวนหนึ่ง และได้ชวนพ่อค้าชาวจีนรวมทั้งประชาชนทั่วประเทศร่วมกันสมทบทุน จัดซื้อที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งทำการโรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิในปัจจุบัน มีเนื้อที่ทั้งหมด 2 ไร่ 2 งาน 49 ตารางวา ด้วยเงิน 5.2 หมื่นบาท เพื่อก่อสร้างโรงพยาบาล

เทียนฟ้า โรงพยาบาลแพทย์จีนแห่งแรก และมูลนิธิหมายเลข 1 ของไทย

 

ที่ผนังด้านหลังของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ มีรูปภาพพร้อมชื่อคหบดีหรือเจ้าสัวชาวจีน 6 คน ติดตั้งไว้ คือ นายโง้วเหมียวง้วน (จีนล่ำซำ) นายเล่ากี่ปึ้ง (พระยาภักดีภัทรากร) นายกอฮุยเจี๊ยะ นายเหล่าชอเมี้ยง (พระเจริญราชธน) นายเฮ้งเฮ่งจิว และนายเตียเกี้ยงซำ (หลวงโสภณเพชรรัตน์)

ส่วนการดำเนินการก่อสร้างโรงพยาบาลใช้เวลาถึง 2 ปี ผู้เป็นหัวหน้าการจัดการก่อสร้างโรงพยาบาลได้ทำหนังสือกราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จพระราชดำเนินเปิดโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 19 ก.ย. รัตนโกสินทร์ศก 124 (ตรงกับ พ.ศ. 2448)

นอกจากเสด็จพระราชดำเนินเปิดโรงพยาบาลแล้ว ทูลกระหม่อมฯ ได้พระราชทานเงินจำนวน 100 ชั่ง (1 ชั่ง เท่ากับ 80 บาท) ซึ่งเป็นเงินที่เหลือจากเงินงบประมาณในการต้อนรับแขกเมืองในปีนั้น ให้มูลนิธิเพื่อเป็นทุนในการดำเนินกิจการ นอกจากนี้ยังทรงพระราชทานตู้พระไตรปิฏก มีพระปรมาภิไธยย่อ จปร. พร้อมตราพระเกี้ยวอีก 2 ใบ

เทียนฟ้า โรงพยาบาลแพทย์จีนแห่งแรก และมูลนิธิหมายเลข 1 ของไทย

 

โรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิได้เปิดให้บริการครั้งแรก โดยให้บริการแบบแพทย์จีนแผนโบราณ และเปิดดำเนินการติดต่อกันจนถึงปัจจุบัน

ต่อมาในปี 2474 โรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิได้ทำการขอจดทะเบียนเป็นมูลนิธิ และได้หมายเลขทะเบียนเป็นลำดับที่ 1 ของประเทศไทย (เอกสารการจดทะเบียนมูลนิธิจากศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ลงวันที่ 12  ม.ค. 2474) จากนั้นเพื่อให้สะดวกในการกล่าวถึง จึงได้ทำการเปลี่ยนชื่อจาก “โรงพยาบาลเทียนฮั้วอุยอี้” เป็น “โรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ” และได้ก่อสร้างอาคารด้านหน้าติดถนนเยาวราช (ปัจจุบันอาคารดังกล่าวได้รื้อถอนไป และขยายประตูเข้า-ออก ให้กว้างขึ้น) เพื่อให้มีการบริการที่ทันสมัยขึ้น พร้อมกับเปิดให้บริการด้านการแพทย์แผนปัจจุบัน

เทียนฟ้า โรงพยาบาลแพทย์จีนแห่งแรก และมูลนิธิหมายเลข 1 ของไทย

 

ปัจจุบันนี้โรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิบริหารงานโดยคณะกรรมการโรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ ซึ่งประกอบด้วยประธานกรรมการ (คนปัจจุบันคือ ชวลิต กาญจนชัยภูมิ) รองประธานกรรมการ กรรมการบริหาร กรรมการเหรัญญิกและรองเหรัญญิก กรรมการเลขานุการและรองเลขานุการ รวม 80 ท่าน

คณะกรรมการเหล่านี้ได้กรุณาสละเวลาและทุนทรัพย์เข้ามาบริหารดูแลกิจการและมูลนิธิให้ก้าวหน้า สามารถอยู่รับใช้สังคมในยุคปัจจุบันได้ ตามวัตถุประสงค์เดิมที่บรรพบุรุษชาวจีนตั้งเจตจำนงไว้

เทียนฟ้า โรงพยาบาลแพทย์จีนแห่งแรก และมูลนิธิหมายเลข 1 ของไทย

 

ปัจจุบันโรงพยาบาลรักษาทั้งแผนจีนและแผนปัจจุบันควบคู่กัน และยังคงรักษาฟรีสำหรับผู้ป่วยรับการรักษาแพทย์แผนจีน  เพื่อธำรงวัฒนธรรมประเพณีเดิมไว้

ประวัติขององค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (กวนอิม)

ในโรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ เป็นที่ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญยิ่งของชาวจีนและชาวไทย คือ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (กวนอิม) ปางประทานพร แกะสลักจากไม้เนื้อหอมลงรักปิดทอง สวยงามเป็นเลิศ

ข้อมูลที่แจกจ่ายระบุว่า พระอวโลกิเตศวรมีหลักฐานที่เป็นจารึก และได้รับการยืนยันแน่ชัดจากผู้เชี่ยวชาญซึ่งตรวจสอบกับภาพวาดที่เมืองตุนหวง สาธารณรัฐประชาชนจีนแล้วว่า เป็นงานช่างศิลปกรรมชั้นเอก สมัยราชวงศ์ถัง โดยทำจากไม้ชั้นดีทั้งท่อนแกะสลักเป็นองค์พระอวโลกิเตศวร ทรงมีพระสิริโฉมงดงามหาที่เปรียบมิได้ ประดิษฐานอยู่ที่วัดอันเล่อ เมืองลั่วหยาง มณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาจากทั่วทุกสารทิศกราบไหว้บูชา ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ได้มีการอัญเชิญพระองค์ไปประทับที่ฮ่องกง จากนั้นได้อัญเชิญต่อมาประทับที่บ้านคหบดีท่านหนึ่งในประเทศไทย

เมื่อกรรมการมูลนิธิปี 2500-2503 มีมติที่จะหล่อองค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (กวนอิม) เพื่อให้เป็นที่สักการะสำหรับผู้ป่วยที่พักรักษาตัวในมูลนิธิ บังเอิญท่านประธานมูลนิธิ จุลินทร์ ล่ำซำ สมัยที่ 45-46 (ช่วงปี 2500-2503) ทราบข่าวเรื่องคหบดีท่านนั้นอัญเชิญพระอวโลกิเตศวร (กวนอิม) มาไว้ที่บ้าน และโดยได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมการมูลนิธิ จึงได้ติดต่อเพื่ออัญเชิญมาประดิษฐาน ณ โรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ และคหบดีท่านนั้นก็ยินดี จึงอัญเชิญมาเมื่อวันพุธที่ 20 เม.ย. 2503

ด้วยความเก่าแก่และความศักดิ์สิทธิ์จนเป็นที่เลื่องลือ ทำให้เจ้าแม่กวนอิมองค์นี้เป็นที่นับถืออย่างยิ่งของชาวไทยเชื้อสายจีน มักมีผู้ศรัทธามากราบไหว้เพื่อขอพรคุ้มครองให้ปลอดภัยจากทุกข์ภัยทั้งปวง ตลอดจนอธิษฐานขอโชค
(ก็ได้ด้วย)

เรื่องนี้พิสูจน์ได้จากการที่มีผู้ศรัทธาไปกราบไหว้ และพิมพ์บทสวดมหากรุณาธารณีสูตร (ไต่ปุยจิ๋ว) เพื่อบูชาเจ้าแม่กวนอิม เพื่อเผยแพร่ศาลแห่งนี้จำนวนมาก

Thailand Web Stat