ได้ภาพโจ๋ยิงนักธุรกิจเจ้าของ"หนำไพรวัลย์"แล้ว

นครศรีธรรมราช-ตำรวจได้ภาพกลุ่มผู้ต้องหายิงหนุ่มเจ้าของรีสอร์ทดัง"หนำไพรวัลย์"แล้วแม่ยันลูกเป็นคนดีไม่ใช่นักเลงหัวไม้

เมื่อวันที่ 13 ม.ค. พ.ต.อ.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า  คดีกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุดวลปืนยิงนายธีศิษฎ์ ถาวระ อายุ 27 ปี นักธุรกิจหนุ่มเจ้าของรีสอร์ทดังหนำไพรวัลย์ ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ เสียชีวิตมีความคืบหน้าไปมากแล้วรู้ตัวกลุ่มคนร้ายทั้งหมดแล้วว่ามีใครบ้างอยู่ตรงใหนเป็นเป็นใครคือมีข้อมูลหมดแล้ว แต่ตอนนี้กำลังจะหาตัวคนยิงเพราะหากจะออกหมายจับทั้งหมดคงไม่ได้แต่จะเอาเฉพาะคนลงมือลั่นไกจริงๆซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถออกหมายจับคนยิงตัวจริงได้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานอยู่คาดว่าไม่กี่วันนี้ก็คงจะออกหมายจับได้โดยคนลงมือยิงนั้นเป็นคนในพื้นที่นครศรีธรรมราช

"ตอนนี้ผู้ต้องหาก็ยังกบดานอยู่นครฯเรามีพยานทั้งที่อยู่ในเหตุการณ์และคนเจ็บซึ่งสามารถให้การได้และคุยนอกรอบกันแล้วกับคนเจ็บ ซึ่งตอนนี้เพื่อความไม่ประมาทก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลเฝ้าระวังความปลอดภัยที่หน้าห้องคนเจ็บที่รพ.มหาราช เรามั่นใจว่าจะจับกุมคนร้ายได้อาจจะเป็นวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็คงระบุไม่ได้แต่เมื่อรวบรวมหลักฐานเสร็จก็จะจับทันที "พ.ต.อ.สนธิชัย กล่าว

ด้านพล.ต.ต.สมชาย อ่วมถนอม รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งได้เดินทางมาควบคุมคดีนี้ได้นำภาพถ่ายกลุ่มผู้ต้องหาไปให้ จ.ส.อ.ภาณุวัฒน์ คงมีศรี อายุ 27 ปี เพื่อผู้เสียชีวิตซึ่งถูกยิงได้รับบาดเจ็บดูเพื่อยืนยันความชัดเจนโดยจะมีการออกหมายจับในไม่ช้านี้

ขณะที่นางอำไพ ถาวระ มารดานายธีศิษฐ์ กล่าวว่า ลูกชายไม่ได้เป็นนักเลงหัวไม้ไปหาเรื่องกลุ่มวัยรุ่นจนกระทั่งถูกยิงตามที่มีการเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ ซึ่งความจริงคนในสังคมนครศรีธรรมราชซึ่งรู้จักครอบครัวดีว่าลูกชายเป็นเด็กดีเรียบร้อยพูดจามีสัมมาคาราวะขยันทำงานวันเกิดเหตุก็ไปซื้อของเพื่อเตรียมนำไปใช้ประกอบอาหารที่รีสอร์ทกรุงชิง

"ลูกเป็นเด็กดีมาตลอดช่วยทำงานครอบครัวไม่เคยเป็นเด็กนอกลู่นอกทาง วันนี้ครอบครัวเราบอบช้ำมากแล้วกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะลูกกำลังมีอนาคตที่สดใส พ่อพึ่งไปซื้อรีสอร์ทเก่าที่จ.สตูลเพื่อให้เขาไปปรับปรุงและเปิดตลาดท่องเที่ยวที่สตูล เขากำลังทำมหกรรมดนตรีบนหุบเขาได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวทั่วประเทศทุกอย่างในชีวิตกำลังเดินไปอย่างสวยงามก็ต้องมาพังพินาศหมด ครอบครัวเรามีลูกคนเดียวการสูญเสียครั้งนี้มันมหาศาลจนบอกไม่ถูกจึงอยากวิงวอนสื่อว่าอย่านำเสนอข่าวที่บิดเบือนให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวเราด้วย เราเจ็บปวดมากกับเหตุการณ์นี้และขอบคุณชาวนครศรีธรรมราชที่ทราบข่าวและมาให้กำลังใจกันอย่างมากในแต่ละวัน" นางอำไพ กล่าว