posttoday

วิกฤตรัฐธรรมนูญ : วงจรอุบาทว์

02 มีนาคม 2558

30 ปีในการเมือง ไม่เคยเห็นว่ามีใครที่ไหนจะมาล้มรัฐบาลได้ ทั้งหมดที่ผ่านมารัฐบาลล้มเพราะทำลายตัวเอง

โดย...สุวิทย์ คุณกิตติ

30 ปีในการเมือง ไม่เคยเห็นว่ามีใครที่ไหนจะมาล้มรัฐบาลได้ ทั้งหมดที่ผ่านมารัฐบาลล้มเพราะทำลายตัวเอง จากเหตุแห่งการใช้อำนาจโดยไม่ชอบ กลั่นแกล้งผู้อื่นทุจริตคอร์รัปชั่นแบบไม่เกรงใจใคร นักวิชาการที่ดีเห็นปัญหาออกมาสมทบสนับสนุน ประชาชนทนไม่ได้ต้องออกมาร่วมกันประท้วงเรียกร้องกดดันให้รัฐบาลลาออกหรือยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน แต่รัฐบาลไม่เคยยอมและยังปกป้องนักการเมืองที่ทุจริตประพฤติมิชอบ

ทหารเห็นว่าบ้านเมืองจะไปไม่ได้วุ่นวายแตกแยกก็เข้ามายึดอำนาจปฏิวัติรัฐประหาร เพื่อปฏิรูปประเทศไทย ฉีกรัฐธรรมนูญเก่า เขียนรัฐธรรมนูญใหม่กลับไปกลับมาไม่รู้ว่ากี่ครั้งกี่หนก็ยังทำเหมือนเดิม ประวัติศาสตร์ก็ยังซ้ำรอยเดิมอยู่อย่างนี้มาตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

ครั้งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น เพราะเริ่มต้นเหมือนเดิมและกำลังจะจบเหมือนเดิม คือเข้าสู่วงจรอุบาทว์

รัฐธรรมนูญไม่ใช่ประมวลกฎหมายวิธีปกครองประเทศ เขียนยาวไปมากไปใส่ทุกเรื่องไว้ในรัฐธรรมนูญยิ่งจะสร้างเงื่อนไขให้เกิดวิกฤตรัฐธรรมนูญได้ง่ายและเร็วขึ้น

ระบอบประชาธิปไตย เป็นระบอบการปกครองที่อำนาจเป็นของประชาชน ใช้อำนาจโดยประชาชน เพื่อประชาชน

หากหลักการเหล่านี้ไม่มีในรัฐธรรมนูญก็ไม่มีประชาธิปไตย

กลไกหลักที่จะต้องมีในรัฐธรรมนูญคือ ความรับผิดชอบและความเชื่อมโยงต่อประชาชน (ACCOUNTABILITY)ของทุกองค์กรในรัฐธรรมนูญ กลไกในการคานและดุลอำนาจ (CHECK ANDBALANCE) ระหว่างองค์กรหลักต่างๆ เพราะรัฐธรรมนูญในระยะหลังกำหนดให้มีองค์กรมากมายแต่ไม่มีกลไกเหล่านี้เลย ทำให้เกิดการใช้อำนาจโดยไร้การตรวจสอบและไม่ต้องมีความรับผิดชอบต่อประชาชน (ABSOLUTE POWER CORRUPTS ABSOLUTELY)

ร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังยกร่างกันอยู่มีหลายประเด็นที่น่าเป็นห่วง

โปรดอย่าเขียนบนความรู้สึกของตัวเอง แต่ต้องเขียนบนหลักการและความสำนึกถึงส่วนรวม วัฒนธรรม ประเทศชาติและประชาชน

ประเด็นที่มาของนายกรัฐมนตรี เป็นประเด็นหนึ่งที่สำคัญและจะก่อให้เกิดวิกฤตรัฐธรรมนูญตั้งแต่เริ่มต้น

นายกรัฐมนตรีคนต่อไปหรือคนที่จะมาตามรัฐธรรมนูญใหม่จะเป็นใคร มาจากไหน อย่างไร?

บ้านเมืองจะเกิดวิกฤตหรือไม่?

พฤษภาทมิฬ ปี 2535 ที่คนไทยฆ่ากันเองเพราะประเด็นการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้เกิดวิกฤตการณ์ขึ้นในทันทีหลังจากที่มีการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญใหม่ในปี 2535 เพราะรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้สภาผู้แทนราษฎรสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีที่ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้งได้ ด้วยเหตุผลเหมือนกันกับที่กรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญกำลังใช้เป็นข้ออ้างอยู่ในขณะนี้ ว่าเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนการปฏิวัติรัฐประหาร เหตุการณ์วันนั้นกับวันนี้ไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างกันเลย

ตอนยกร่างรัฐธรรมนูญในขณะนั้นก็บอกว่าไม่ได้เป็นการเปิดช่องให้มีการสืบทอดอำนาจของคณะปฏิวัติ เป็นการเปิดช่องไว้กรณีเกิดวิกฤตการเมืองจะได้มีทางออก ยังไงพรรคการเมือง นักการเมืองก็ต้องเลือกคนที่มาจากการเลือกตั้งมาเป็นนายกรัฐมนตรีก่อน แต่สุดท้ายก็เห็นชัดเจนว่าที่ป่าวประกาศไว้เป็นการโกหกประชาชนแบบที่เห็นว่าคนไทยโง่ เพราะระหว่างการปฏิวัติรัฐประหารมีการซ่องสุมนักการเมือง มีการระดมทุนจากนโยบายและโครงการทั้งหลายของรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหาร เพื่อมาใช้ในการรวบรวมนักการเมืองและตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาเพื่อสนับสนุนคณะปฏิวัติในการสืบทอดอำนาจ

หลังการเลือกตั้งพรรคการเมืองที่คณะปฏิวัติแอบจัดตั้งขึ้นมาก็รวบรวมพรรคขนาดกลาง ขนาดเล็กจนได้เสียงพอจัดตั้งรัฐบาลได้ก็เอา พล.อ.สุจินดา คราประยูร ซึ่งเป็นแกนนำในการปฏิวัติรัฐประหารและไม่ได้ลงเลือกตั้งมาเป็นนายกรัฐมนตรี

ถามว่าผิดไหม?

ถ้าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญก็ไม่ผิด เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่านายกรัฐมนตรีไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง

แต่ประชาชนส่วนที่ไม่ยอมรับเห็นว่าคณะปฏิวัติรัฐประหารได้เขียนรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดช่องให้มีการสืบทอดอำนาจ ถึงแม้จะมีการท้วงติงไปแล้ว แต่คณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญก็ยืนยันว่าการเขียนรัฐธรรมนูญแบบนี้ไม่ได้เป็นการเปิดช่องให้สืบต่ออำนาจคณะปฏิวัติรัฐประหารและไม่ได้เตรียมการเพื่อใคร นอกจากนี้ยังเป็นการแก้ปัญหาวิกฤตการเมืองที่ทำให้ทหารต้องออกมาแก้ปัญหาด้วยการฉีกรัฐธรรมนูญและยึดอำนาจจากนักการเมืองที่เอาแต่ทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง จึงชุมนุมประท้วงรัฐบาล ทำให้เหตุการณ์บานปลาย

คงไม่ต้องไปขยายความว่าเรื่องผลประโยชน์ขัดกันและเบื้องหน้าเบื้องหลังเป็นอย่างไร

แต่ที่น่าตกใจ เพราะเหตุการณ์วันนี้มันเหมือนหนังม้วนเก่าที่เอามาฉายใหม่ อาจมีตัวแสดงหน้าใหม่ แต่เนื้อเรื่องและการดำเนินเรื่องยังเหมือนเดิมทุกอย่าง

ไม่ต้องเป็นหมอดูก็ต้องรู้ว่าบ้านเมืองยังจะต้องวุ่นวายเกิดเหตุเลวร้ายแบบเดิม คนไทยต้องมาฆ่ากันเองอีกครั้งอย่างแน่นอน จะก่อนหรือหลังเลือกตั้ง จะช้าหรือเร็วก็อยู่ที่ตัวเร่งปฏิกิริยาทั้งหลาย ที่กำลังกัดกร่อนบ้านเมืองทั้งบนดินและใต้ดิน

หากบ้านเมืองเกิดความวุ่นวายขึ้นมาอีกคราวนี้จะไม่มีกรรมการ เพราะวันนี้กรรมการกลายมาเป็นผู้เล่นเสียเอง

การเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นกับบ้านเมืองขณะนี้เรียกว่า “การเปลี่ยนแปลงที่สามารถควบคุมบริหารจัดการได้”

แต่ถ้าครั้งนี้ล้มเหลว สถานการณ์ที่จะติดตามมาคือ “การเปลี่ยนแปลงแบบไร้การควบคุม บ้านเมืองจะเปลี่ยนแปลงแบบไร้ทิศทาง”

ตัวอย่างที่เกิดขึ้นและยังคงอยู่คือ อาหรับสปริง ที่ทำให้ตะวันออกกลางเกิดความวุ่นวาย ประเทศที่เคยเจริญรุ่งเรือง ประชาชนเคยอยู่อย่างสงบร่มเย็น ถูกทำลายด้วยการแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายของประชาชน ฆ่าฟันกันเอง ทำลายบ้านเมือง เหลือแต่ซากปรักหักพัง ประชาชนต้องกลายเป็นผู้อพยพหนีภัยสงครามกลางเมือง การก่อการร้ายและสงครามลัทธิ

ประธาน คสช.และนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นคนตั้งใจดี มีเหตุผล รับฟังความเห็นของประชาชน เช่น กรณีที่มีการสั่งการให้ยกเลิกการเปิดสัมปทานปิโตรเลียม รอบที่ 21 ไปก่อนจนกว่าจะมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชนให้เรียบร้อยเสียก่อน ถึงแม้จะขัดใจผู้ใหญ่ในรัฐบาลก็ตาม

ดังนั้น จึงเชื่อว่าในฐานะประธาน คสช. หากรู้อย่างนี้แล้วคงจะได้พิจารณาทบทวนสถานการณ์บ้านเมืองและหาวิธีป้องกันปัญหาที่รู้ว่าจะเกิดขึ้นแน่ เพื่อไม่ให้การปฏิวัติรัฐประหารครั้งนี้ล้มเหลวจนทำให้บ้านเมืองต้องเสียหาย วุ่นวาย จนกลายเป็นวิกฤตที่ไม่อาจแก้ไขได้

โดยเฉพาะการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังเร่งรีบเดินหน้าจนไม่มีเวลาเหลียวหลังไปดูว่าประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของไทยเป็นอย่างไร ทำไมวงจรอุบาทว์จึงไม่เคยหมดไปจากแผ่นดินไทย เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ไม่รู้กี่ฉบับมันก็กลับไปกลับมาอยู่อย่างนี้ เดี๋ยวนายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง เดี๋ยวไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง แก้ไขเพิ่มองค์กรอิสระ ออกกติกาเพิ่มเงื่อนไขที่เข้มงวดรุนแรงกับอาชญากรการเมืองและนักการเมืองเพื่อให้มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดมากขึ้น ก็ไม่เห็นแก้ไขปัญหาและทำลายวงจรอุบาทว์ได้

อย่าปล่อยให้วงจรอุบาทว์ทำร้ายและทำลายประเทศไทยอีกต่อไป

ประธาน คสช.ต้องตัดไฟแต่ต้นลมอย่าปล่อยให้ไฟเผาไหม้ประเทศไทยจนย่อยยับเลย