กาลเวลาจารึกคน ประมนต์ สุธีวงศ์
เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา มีการเปิดตัวหนังสือ กาลเวลาจารึกคน ประมนต์ สุธีวงศ์ หนังสืออัตชีวประวัติของ ประมนต์ สุธีวงศ์
โดย...วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย
เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา มีการเปิดตัวหนังสือ กาลเวลาจารึกคน ประมนต์ สุธีวงศ์ หนังสืออัตชีวประวัติของ ประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานกรรมการ ประธานบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย และประธานมูลนิธิองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ซึ่งประมนต์ สุธีวงศ์ เป็นผู้เขียนเรื่องราวความเป็นมาของชีวิตด้วยตนเอง ปรากฏว่าประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับจากผู้อ่านอย่างมากมาย เฉพาะในงานเปิดตัวหนังสือเพียงครึ่งวันมีผู้ซื้อหนังสือไปเกือบ 1,000 เล่ม จึงไม่น่าแปลกใจที่หนังสือเล่มนี้ สำนักพิมพ์โพสต์บุ๊ค พิมพ์ครั้งแรกจำนวน 3,000 เล่ม จะจำหน่ายหมดภายในเวลาไม่ถึงเดือน ถึงขนาดจะต้องพิมพ์ใหม่เพื่อจะได้มีจำหน่ายในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่จะเริ่มขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในวันที่ 26 มี.ค.นี้
ที่จริงเรื่องราวชีวิตของประมนต์ สุธีวงศ์ ในชื่อ “กาลเวลาจารึกคน ประมนต์ สุธีวงศ์” เคยตีพิมพ์เป็นตอนๆ ในหนังสือพิมพ์รายวันโพสต์ทูเดย์ทุกวันเสาร์มาแล้วตั้งแต่ต้นจนจบ ก่อนที่จะมีการนำมารวมเล่มกลายเป็นหนังสือขายดิบขายดีภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ระหว่างที่ข้อเขียนเรื่องราวชีวิตของประมนต์ สุธีวงศ์ เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์รายวันโพสต์ทูเดย์นั้นปรากฏได้รับความสนใจจากผู้อ่านอย่างคาดไม่ถึง เพราะประมนต์เล่าเรื่องราวชีวิตของตนได้อย่างน่าอ่านน่าสนใจด้วยลีลาการเขียนที่น่าติดตามและมีอารมณ์ขัน จนเมื่อรวบรวมเป็นเล่มก็มีคนอยากเก็บหนังสือไว้เป็นแหล่งแสวงหาความรู้ความเข้าใจในประสบการณ์ชีวิตของผู้ที่ประสบความสำเร็จผู้หนึ่ง
ประมนต์ สุธีวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2482 ที่ ต.บางลี่ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เป็นบุตรของนายบุญสมและนางรวีวรรณ สุธีวงศ์ คหบดีเชื้อสายจีนแห่ง ต.บางลี่ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 7 คน เป็นขาย 2 และหญิง 5 จบการศึกษาชั้นต้นจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย แล้วไปเรียนต่อระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ด้านวิศวกรรมเครื่องกล จาก University of Kansas สหรัฐอเมริกา และผ่านหลักสูตร Advance Management Program (AMP) Harvard Business School สหรัฐอเมริกา
หลังจบจากการศึกษาในปี 2508 ประมนต์เข้าทำงานครั้งแรกที่บริษัทน้ำมันอเมริกันในประเทศไทย คือบริษัท เอสโซ่สแตนดาร์ด ประเทศไทย ผ่านการทำงานด้วยประสบการณ์หลากหลายเป็นเวลา 5 ปี ในปี 2524 อันเป็นช่วงที่บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย ขยายการค้าจากตลาดเมืองไทยไปสู่สากล ประมนต์ก็อำลาวงการน้ำมันไปดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ค้าสากลซีเมนต์ไทย ได้พิสูจน์ความสามารถอันรอบด้านในตัวเองจนได้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย
ระหว่างปี 2527-2535 ได้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทปูนซิเมนต์ไทย ระหว่างปี 2535-2542 เป็นกรรมการมูลนิธิปูนซิเมนต์ไทยระหว่างปี 2533-2548 เป็นประธานกรรมการหอการค้านานาชาติแห่งประเทศไทยระหว่างปี 2541-2545 ปี 2542-2547 เป็นประธานกรรมการธนาคารไทยธนาคาร ปี 2549-2551 เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปี 2547-2552 เป็นประธานกรรมการหอการค้าไทย ปี 2548-2552 เป็นประธานกรรมการสภาหอการค้าไทยแห่งประเทศไทย ปี 2542-ปัจจุบัน เป็นประธานกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เป็นประธานกรรมการ บริษัท สยามคอมเพรสเซอร์อุตสาหกรรม เป็นกรรมการมูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย ปี 2550-ปัจจุบัน เป็นกรรมการสำนักงานข้าราชการพลเรือน ปี 2552-ปัจจุบัน เป็นกรรมการกิตติมศักดิ์ สภามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปี 2554-ปัจจุบัน เป็นประธานอาวุโสหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ปี 2556-ปัจจุบัน เป็นกรรมการในคณะกรรมการที่ปรึกษา สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผ่านการอบรมหลักสูตรกรรมการ Role of the Chairman Program (RCP) 4/2001 สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย Director Accreditation Program (DAP) 6/2003 สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย Role of the Compensation Committee(RCC) 9/2009 สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย Audit Committee Program (ACP) 45/2013 สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
ประมนต์ สุธีวงศ์ มีครอบครัวที่อบอุ่นกับเพ็ญพรรณ (สกุลเดิม ภัทรวิทย์) อดีตอาจารย์ภาควิชาภูมิศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีบุตร-ธิดาที่ประสบความสำเร็จในชีวิตครอบครัวและการงาน 3 คน คือ (1) มัทนา สุธีวงศ์ สมรสกับยอดธง สุตธรรม มีธิดา 2 คน คือ อัลลิยาและอัณณิกา สุตธรรม (2) ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ สมรสกับ ดร.ดาริชา (สกุลเดิม เตโชพิทยางกูร) มีธิดา 2 คน คือ ธริชาและธัชชา สุธีวงศ์ (3) สิทธิ สุธีวงศ์ สมรสกับศันสนีย์ (สกุลเดิม ปีตธวัชชัย) มีบุตรหนึ่งคน คือ ปุญญ์ สุธีวงศ์ หนังสืออัตชีวประวัติที่บอกเล่าเรื่องราวอันน่าสนใจน่าอ่านน่าศึกษาของ ประมนต์ สุธีวงศ์ มีดีอย่างไรลองอ่านข้อเขียนบางวรรคบางตอนของภัทระ คำพิทักษ์ บรรณาธิการ นสพ.โพสต์ทูเดย์ ที่เขียนไว้ในคำนำหนังสือกาลเวลาจารึกคน ประมนต์ สุธีวงศ์ ดูแล้วจะรู้ว่าทำไมใครๆ จึงอยากอ่านหนังสือเล่มนี้ แล้วทำไมหนังสือจึงขายดีอย่างไม่น่าเชื่อ หมดเกลี้ยงแผงภายในเวลาอันรวดเร็ว คุณภัทระว่าไว้ดังนี้
“... จู่ๆ วันหนึ่ง คุณวิมลพรรณ ปีตธวัชชัย ที่ปรึกษากองบรรณาธิการโพสต์ทูเดย์ ก็ได้ถามขึ้นมาว่า สนใจอัตชีวประวัติของคุณประมนต์ สุธีวงศ์ ไหม
ผมถามกลับด้วยความประหลาดใจว่า คุณประมนต์เขียนหนังสือด้วยหรือ
ก็จะไม่ให้ประหลาดใจได้อย่างไร เพราะผู้ที่มีประสบการณ์ในการเขียนหนังสือทุกคนย่อมตระหนักดีว่า งานเขียนหนังสือนั้นเป็นงานหนัก กินพลังมหาศาล การที่นักธุรกิจ นักบริหาร อย่างคุณประมนต์สามารถเขียนหนังสือนั่นย่อมหมายความว่า ท่านได้ทุ่มเวลา ใช้สมาธิ ใช้พลังงานอย่างมหาศาล ถ้าใครไม่ลองไม่มีวันรู้...”
“... ‘กาลเวลาจารึกคน ประมนต์ สุธีวงศ์’ กลายเป็นคอลัมน์ที่เพิ่มเสน่ห์ให้กับหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ฉบับวันเสาร์เป็นอย่างมาก เท่าที่ผมทราบบางคนไม่ซื้อหนังสือพิมพ์วันหยุดยังซื้อเฉพาะวันเสาร์ก็มี
ตรงไปตรงมา ไม่อวดโอ้ ไม่เหิมเกริม แต่สิ่งที่คุณประมนต์ทำมา ทำอยู่และจำทำสืบไปนั้นล้วนแต่พิสูจน์แล้วว่า จะเป็นสิ่งที่กาลเวลาต้องจารึกไว้จริงๆ
การบุกเบิก ก่อร่างสร้างฐานะในบริษัทเอกชนทั้งหลาย เอสโซ่ ปูนซิเมนต์ไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย บริษัท โตโยต้า ไทยแลนด์ เรื่อยมาถึงประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น ฯลฯ รากฐานของบริษัท ขององค์กรในสังคม ตลอดจนประเทศชาติ จะมากจะน้อยคุณประมนต์ก็มีส่วนร่วมก่ออิฐบางส่วนขึ้นด้วยมือของท่านเอง
สำหรับผมแล้วการได้ทำหน้าที่ดูแลต้นฉบับก่อนตีพิมพ์ในโพสต์ทูเดย์ให้กับคุณประมนต์ ทำให้ประตูขุมทรัพย์ที่ผมเคยนึกว่า มันปิดตายไปแล้วตั้งแต่หลายปีก่อนเปิดออกอีกครั้งหนึ่ง และเชื่อว่า สำหรับผู้อ่านแล้ว นอกจากความสนุกสนานแล้วการได้เรียนรู้ก้าวย่างของคุณประมนต์ย่อมเป็นการเรียนลัดที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตได้อย่างดี
ผมเองเชื่อว่า ถ้าเรามีคำถามที่ดี บางคำถามอาจจะเปลี่ยนโลกได้ และถ้ามีเรามีคำถามเราก็จะมองโลกไม่เหมือนเดิม
ทำไมเด็กบ้านนอกจากสุพรรณบุรีอย่างคุณประมนต์ ถึงเติบโตมาสร้างสรรค์และเปลี่ยนแปลงอะไรๆ ในสังคมได้ มันไม่ใช่แค่เรื่องโชคแน่ๆ
ทำไมนักธุรกิจที่ทำมาค้าขายอยู่ดีๆ ถึงยอมกระโดดออกมารับเป็นหัวเรือสู้กับคอร์รัปชั่น
ถ้าเราโดนอิทธิพลมืดยิงใส่บ้าน จะรู้สึกอย่างไร ฯลฯ
ประวัติของคุณประมนต์ จะบอกหลายเรื่องที่แม้ว่าท่านไม่ได้บอกเล่าตรงๆ แต่ก็แจ่มแจ้งในเนื้อสาระ
ความมีวิสัยทัศน์ของพ่อแม่ที่เห็นคุณค่าการศึกษา ความกล้าหาญ การอยากเผชิญโลกของคนหนุ่มซึ่งพึงระลึกว่า เป็นคนหนุ่มที่มิใช่เติบโตมาในยุคสมัยปัจจุบัน การพัฒนาตนเองจากกีฬา พัฒนาการของเด็กนักเรียนบ้านนอก เมื่อต้องเอาตัวรอดในสังคมเมืองหลวง การปรับตัวและการยืนหยัดของนักเรียนประเทศหลังเขาเมื่อต้องไปอยู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว ฯลฯ
การไม่มองอะไรแค่ผลลัพธ์ หากแต่มองเห็นเหตุ และปัจจุบันแห่งความเป็นไปนั้น ผู้ชนะโลกเจริญในธรรมก็มองกันอย่างนี้ ศึกษาความสำเร็จของคน เพื่อประโยชน์ชีวิตของคน เพื่อประโยชน์ชีวิตของตัวก็มองกันอย่างนี้
หลายอย่างศึกษาไว้แต่ไม่ต้องมีประสบการณ์เช่นนั้นเลยก็ไม่เสียหาย อย่างเรื่องโดนยิงใส่บ้านนั้นถ้าไม่ใช่คนจริง ไม่ใช่คนแน่วแน่ และไม่ได้รับแรงใจจากผู้อยู่เบื้องหลังทั้งปวงแล้วคุณประมนต์จะถอดใจจากการทำหน้าที่ประธานองค์กรต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่นไปก็คงไม่มีใครว่า
แม้ไม่มีใครว่า แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น พลังของภาคเอกชนที่ลุกขึ้นมาต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นก็คงพังทลายลงอย่างเงียบๆ แล้วอนาคตของประเทศก็คงหันเหไปอีกทางหนึ่ง
การตั้งคำถามว่า โดนถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมคุณประมนต์ถึงไม่ถอดใจทำไมถึงทำงานเรื่องต่อต้านคอร์รัปชั่นต่อ เราก็จะเจอข้อมูลและโลกทัศน์อีกชุดผมถึงเชื่อว่า ถ้าเรามีคำถามที่ดี บางคำถามอาจจะเปลี่ยนโลกได้...
...ครับ การเรียนรู้ที่สั้นที่สุดคือ การเรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตของคนอื่น ส่วนบทเรียนของการลองผิดลองถูกที่ชัดที่สุดคือ ดอกผลของการลงมือทำเอง การศึกษาประวัติของคนอื่น ก็เหมือนกับการอ่านแผนที่ ถ้าประยุกต์ได้ถอดบทเรียนเป็นเราก็จะเสียเวลาและหลงทางน้อยลง
คนไทยที่มีฉากชีวิตที่น่าสนใจมีมากแต่น้อยคนที่จะเขียนหนังสือ และน้อยกว่านั้นอีกที่จะเขียนแบบซื่อสัตย์ต่อตนเอง...”
หนังสือน่าอ่านสนุกมีสาระมากด้วยประสบการณ์ หลายแง่หลายมุมของประมนต์ สุธีวงศ์ ไปหามาอ่านเถอะ รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน