"ประยุทธ์​" ย้ำ ขรก.ต้องไม่ตกอยู่ใต้อาณัตินักการเมือง
แนะใช้กฎหมายและวินัย ขรก.ปกป้องตัวเอง "ย้ำกฎอัยการศึก และมาตรา 44 ออกมาเพื่อให้ จนท.ทำงานได้ ไม่คิดไปกลั่นแกล้งใคร วอน ทำงานอย่าแบ่งฝ่าย ขอให้กลับมาเป็นพี่น้องกัน
แนะใช้กฎหมายและวินัย ขรก.ปกป้องตัวเอง "ย้ำกฎอัยการศึก และมาตรา 44 ออกมาเพื่อให้ จนท.ทำงานได้ ไม่คิดไปกลั่นแกล้งใคร วอน ทำงานอย่าแบ่งฝ่าย ขอให้กลับมาเป็นพี่น้องกัน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 1 เม.ย. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานมอบเกียรติบัตรข้าราชการพลเมืองดีเด่น 2558และเข็มเชิดชูเกียรติ จำนวน 37 รายและมอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีมอบรางวัลข้าราชการพลเรือน 2558 อีก 586 ราย รวมทั้งสิ้น 623 ราย
จากนั้นนายกฯ ได้ให้โอวาท เนื่องในวันข้าราชการพลเรือน ประจำปี 2558 โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และตัวแทนจากข้าราชการทั่วประเทศร่วมรับฟังกว่า 700 คน
พล.อ.ประยุทธ์ ให้โอวาทตอนหนึ่งว่า ดีใจที่มาพูดและพบกับข้าราชการทุกคน ที่ผ่านมาถูกต่อว่าว่าพูดเยอะ เป็นเพราะต้องการฝึกฝนความอดทน วิริยะอุตสาหะของทุกคน เพราะถ้าฟังแล้วจะเกิดผลสำฤทธิ์ถ้าไม่ฟังก็จะกลับไปสู่วังวนแบบเก่า ที่พูดเช่นนี้ยังไม่รู้ว่าใครจะชนะหรือแพ้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่พูดทุกวันทั้งการให้สัมภาษณ์ รายการคืนความสุขให้คนในชาติ เพราะตนต้องการสื่อสารให้ถึงข้าราชการทุกคน ก็อาจแตกต่างบ้างเพราะเป็นการพูดจากใจ และประสบการณ์ โดยเฉพาะการเป็นข้าราชการเก่ามา 38 ปี ครั้งแรกก็กะพักผ่อน แต่วันนี้ก็ต้องมายืนอยู่ตรงนี้โดยไม่ได้มีการเตรีมการอะไรมาก่อน แต่มันก็ต้องทำเมื่อถึงเวลาก็ต้องทำเช่นนี้ วันนี้การทำงานหลายกระทรวงมีผู้บริหารมาจากทหารก็ทำให้การทำงานแตกต่างออกไปในช่วงที่เราต้องการการเปลี่ยนแปลง แก้ปัญหาและปฏิรูปในหลายๆเรื่อง มันทำเป็นอย่างอื่นไม่ได้ จะใช้กฎหมายอย่างเดียวตามวิธีการปกติไม่มีทางแก้ได้
"แม้แต่วันนี้คนยังไม่เข้าใจเรื่องกฎอัยการศึก เรื่องของมาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง"
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การทำงานมีผู้นำหลายระดับ ดังนั้นการบริหารงานจากล่างขึ้นบน และจากบนลงล่าง จะต้องสื่อสาร 2 ทางต้องมีการปรับตัวเข้าหากันให้ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่อยู่ใต้การบริหารของฝ่ายการเมือง ซึ่งเขาไม่ใช่ข้าราชการเก่า ซึ่งด้วยการทำงานฝ่ายการเมืองจะมีเรื่องของงานการเมืองอยู่ด้วยอาจทำให้ข้าราชการมีปัญหาในการทำงานบางครั้ง ต้องระวัง ข้าราชการทุกคนต้องมีการปกป้องตัวเองบ้าง ทั้งด้วยระเบียบ กฎหมาย และ พ.ร.บ.ต่างๆ แต่อาจจะยังไม่พอ และอาจก่อให้เกิดปัญหาได้อีก ถ้าเราไม่เข้ามาแก้ปัญหาก็จะยังคงอยู่ต่อไปและสร้างปัญหาใหม่เกิดขึ้นเรื่อยๆ อย่าลืมว่าการป้องกันตัวเองจะต้องมีวินัย มีอำนาจในการบริหาร ถ้าเราไม่วางวิธีการป้องกันตัวเองก็อาจไม่ปลอดภัย เราต้องยืนหยัดในข้อกฎหมาย ไม่ว่าจะสั่งอะไรลงมาก็ตามถ้าผิดก็ต้องทำให้มันถูก ที่ผ่านมาตนสอนรุ่นน้องมาตลอดนายจะสั่งอะไรลงมาก็พร้อมรับเพราะนายก็คือนาย นายคือผู้บังคับบัญชาแต่หากนายใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้องเราก็ไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจ ซึ่งตลอดชีวิตรับราชการก็เดินด้วยชีวิตแบบนี้ ใครจะเป็นนาย จะพวกไหนมาเขาต้องเลือกเราด้วยคุณสมบัติในการทำงาน อย่าไปแบ่งฝักฝ่ายจนกลายเป็นกลุ่ม หรือไปพึ่งพระแบบเรื่อยเปื่อยไม่ได้ สำหรับตนแล้วขอพรพระทุกวันเพียงแค่ให้ทำงานให้สำเร็จไม่เคยขอให้ตัวเองเลย และก็สำเร็จ เพราะถ้าไม่เดินตามกฎหมายอนาคตคนที่เดือดร้อนคือตัวเราเอง เสียเวลา แต่เราต้องไม่ไปก้าวก่ายฝ่ายบริหาร และทำผิดระเบียบวินัย ซึ่งมีการกำหนดไว้ชัดเจน ทุกระทรวงทบวงกรมต้องมลืมเรื่องเก่าให้หมด เริ่มต้นกันใหม่ เรามีหน้าที่ในการทำงานเป็นข้าราชการที่ดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขประชาชนต่างพระเนตรพระกรรณ ต้องทำงานอย่างบูรณาการและตามภารกิจของกระทรวง
" วันนี้เราต้องการเคลียร์ทุกอย่างให้สะอาดจะได้ภาคภูมิใจในหน่วยงานของทุกคนจะได้กลับมาเป็นพี่เป็นน้องกันเหมือนเดิม ไม่ใช่มัวแต่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันไม่ได้อีกแล้ว ประเทศไทยแบ่งไม่ได้ วันนี้ผมมีหน้าที่มานำพาตรงนี้ รับฟังทุกคนว่าต้องการอะไร ต้องการแบบเดิมหรือต้องการการเปลี่ยนแปลง ทำให้ประเทศชาติก้าวหน้าอย่างไม่เคยมีมาก่อน"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีหลายคนเตือนว่าอย่าไปตอบโต้มากนัก มันไม่ดีแต่ตนต้องพูดและสร้างความเข้าใจเพราะประชาชนฟังสื่อ อ่านหนังสือพิมพ์ บางทีพูดน้อยก็เขียนเองบ้าง พูดเยอะก็ตัดตอน จากนี้ไปก็จะมีการพูดคุยกันสื่อก็ต้องมีคำแนะนำ ในส่วนของรัฐบาลก็จะมอบหมายให้รองนายกฯวิษณุ เครืองามและ รมต.ประจำสำนักนายกฯมาอธิบายว่าอะไรคือปัญหาอะไรคือการเปลี่ยนแปลง จะได้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน สื่อติติงได้ตนรับได้แต่ถ้าผิดจากหน้ามือเป็นหลังมือตนยอมไม่ได้ แต่ยอมรับว่าค่อนข้างหงุดหงิดและเครียดบ้าง แต่ยังไม่มาก
"ผมเป็นทหารมานาน ทหารก็เป็นแบบนี้ไม่เช่นนั้นปกครองคน 2-4 แสนคนไม่ได้ วันนี้ต้องมาดูแลคน 60 กว่าล้านคน ดังนั้นคนในชาติต้องมีระเบียบวินัย ช่วยกันทำงานไม่หวังประโยชน์ส่วนตัว เอาประโยชน์ส่วนรวมมาก่อน อดีตคือจุดเริ่มต้นแต่เราต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์และงานที่รับผิดชอบ จะได้เกิดความภาคภูมิใจ และต้องมีมาตรการและแผนงานไว้รองรับกับสถานการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้น ผมเคยบอกทหารมาตลอดว่าอย่าทำตัวเป็นพยาธิตอนเช้า เพราะกลางคืนคนนอนหลับไม่ได้กินข้าว พอตื่นมาพยาธิก็ตื่นมาชูคออยู่ในท้องรอดูว่าจะดูดและกินอะไรได้บ้างที่จะเข้ามา ข้าราชการต้องไม่ทำตัวเช่นนั้น ไม่ต้องทำถึงขนาดเสียสละทุกอย่างเพื่องาน มันเป็นไปไม่ได้ เพราะทุกคนมีภาระและหน้าที่ในครอบครัว จึงขอให้เริ่มต้นกันใหม่ อดีตคือปัญหา ในประวัติศาสตร์อะไรดีก็ทำต่อ อะไรไม่ดีก็แก้ไข ปัจจุบันคืออนาคต ตั้งแต่ 22 พ.ค.57 นี่คือปัจจุบัน ก่อนหน้านั้นคืออดีตทั้งสิ้น ก็ต้องแก้ไข ทั้งกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ผมคงไม่ต้องไปล้วงลูกลงโทษคนนั้นคนนี้ เพราะทุกคนต่างมีหน้าที่กันอยู่แล้วที่ผ่านมาทำไม่ได้เพราะถูกแทรกแซงก็ต้องไปแก้ไข เราต้องเดินหน้าไปสู่อนาคตให้ได้ด้วยความเข้าใจ เดินไปสู่เป้าหมายเดียวกัน วันนี้เราต้องมีวิสัยทัศน์5-10 ปี เราต้องนำพาประเทศในปี 2015 -2020 ไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน ข้าราชการทุกคนต้องเข้าใจ " พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ข้าราชการทุกคนต้องวางแผนการทำงานเหมือนกับวางแผนชีวิต แต่ตนไม่เคยวาง ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นมาได้อย่างไร ก็ทำงานไปเรื่อยๆอยู่ชายแดน กองทัพ ทหารส่วนใหญ่ที่ก้าวหน้าใช้วิธีการแบบนี้ นายจะทะเลาะจะโกรธกันก็เป็นเรื่องของนาย เพราะถ้าเราไปเข้าข้างใคร วันข้างหน้าก็จะมีปัญหาย้ายล้างบาง แล้วหน่วยงานจะอยู่ได้อย่างไร คนดีๆก็ลาออก คนที่เหลืออยู่ก็ไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นต้องจัดระเบียบให้ดี ไม่ใช่วางแผนว่าภายใน 3 ปีต้องเป็นนั่นนี่ ก่อนเกษียณต้องเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด มันไม่ได้ ให้วางแผนชีวิตตามห้วงเวลา ไม่ให้ถูกดอง ย้ายทิ้ง ทุกอย่างจะเดินไปตามครรลองเอง ทุกอย่างมันมีหลายปัจจัยทั้งความรู้ความสามารถ โชควาสนา ช่วงเวลาก็เหมาะสม และอย่าให้เคารพกันด้วยอำนาจ มีหลายคนว่าตนบ้าอำนาจนั้นไม่เป็นความจริง ถ้าบ้าอำนาจคงไม่มีแบบนี้ สั่งอย่างเดียวก็จบ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ทูตแคนาดาเข้าพบตนบอกว่า ดีใจที่ได้พบวันนี้ ตื่นเต้นนอนไม่หลับทั้งคืน ตนเลยบอกว่าก็นอนไม่หลับเช่นกันที่จะได้เจอกับท่าน เพราะก่อนหน้านี้ไปพบกับคนอื่นๆมา แล้วไปฟังข้างโน้นมาแต่ไม่ค่อยฟังรัฐบาล ความเข้าใจก็ผิดเพี้ยนไปหมดสำหรับต่างประเทศ ซึ่งทุกคนต้องช่วยกันอธิบายว่าประเทศไทยมีความเป็นมาอย่างไร
"วันนี้เถียงกันอยู่นั้นแหละรัฐธรรมนูญกฎอัยการศึก มาตรา 44 ก็ต้องดูว่าเขาทำเพื่ออะไร ถ้าผู้บริหารเอากฎหมายเหล่านี้มาเพื่อเป็นเครื่องมือในการทำงานนำไปสู่การเผื่อแผ่แบ่งปัน ลดความเหลื่อมล้ำ กฎหมายทุกฉบับถ้าไม่ปฏิบัติมันก็จบ บางคนบอกแรงเกินไปในการใช้มาตรา 44 ถ้าไม่ใช้แล้วสถานการณ์มันจะเอาอยู่หรือ ทุกวันนี้ก็ออกมาพูดกันปาวๆบนหน้าหนังสือพิมพ์ ก็ไม่รู้ว่านายใครบ้าง แต่วันนี้ผมรับผิดชอบทั้งหมดตั้งแต่เข้ามาเป็น คสช.ผมตั้งใจในการแก้ปัญหา ต้องรับผิดชอบ ทุกคนก็ต้องร่วมรับผิดชอบกับผม คนไทยวันนี้ถูกปลูกฝังว่าอะไรได้ก็เอา อะไรเสียบาทเดียวก็ไม่ให้ ผมต้องการเข้ามาแก้ไขเพื่ออนาคต ไม่ได้ต้องการผลประโยชน์ " นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กฎอัยการศึกใช้เพื่อเข้ามาสั่งการในการแก้ปัญหา เพราะก่อน 22 พ.ค แก้ไขอะไรไม่ได้เลย เลือกตั้งก็ทำไม่ได้ ไม่มีใครรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น บ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป ตายเจ็บ ไม่มีคนแก้ปัญหาควบคุมไม่ได้ เป็นการบริหารที่ล้มเหลว ฝ่ายค้านก็ไม่ต้องการให้เลือกตั้ง เป็นอดีตและยังเป็นปัจจุบัน หากไม่ช่วยกันก็จะกลายเป็นอนาคตด้วย วันนี้ที่มีการกล่าวกันต่างๆนานา "อยากถามว่ากฎอัยการศึกที่ใช้นั้นแค่ควบคุมตัวคนมาสอบสวน ประเทศไทยเปลี่ยนเป็นระบบลูกขุนคงไม่ได้ เพราะมีเงินเยอะก็คงซื้อลูกขุนกันอีก เหตุการณ์ปี 2553 -2556 ข้าราชการจะไปทำได้อย่างไร วันนี้ตำรวจดีเยอะกว่าเลว วันนี้ตำรวจดีทั้งนั้นเพราะทำตามนโยบาย ก่อนหน้านี้ทุกคดีแก้ปัญหานำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไม่ได้ วันนี้เราจะทำทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติ ใช้กฎหมายเป็นแค่กรอบและสร้างความรู้ สร้างวุฒิภาวะปรับทัศนคติคนใหม่ให้อยู่ร่วมกันได้ วันนี้จะต้องใช้เวลาเท่าไหร่คงตอบยากแต่เชื่อว่าการปฏิรูปต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปี ส่วนใครจะมาทำต่อก็ทำไปเพียงแต่จะวางกรอบไว้ให้ เลือกตั้งใหม่ก็มาทำกันไปแล้วทำให้ดีแล้วกัน กลับไปคิดกันให้ดีว่าจะเลือกใครและเอาอย่างไร วันนี้รัฐธรรมนูญยังเถียงกันไม่เลิก จะเลือกตั้งได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ จะต้องให้บังคับเลือกตั้งหรือเปล่า เลือกตั้งแล้วจะเดินขบวนกันอีกหรือไม่ถ้าพรรคนี้มาอีกพรรคจะยอมไหม จะมีใครออกมาอีก วันนี้รู้ว่าทุกคนรอว่าเมื่อไหร่จะยกเลิกกฎอัยการศึก แล้วเราจะยอมให้ประเทศมีปัญหาอีกหรือ