เดิมพันวินาทีความตาย สู่ศักยภาพเหนือขอบฟ้า
ในจำนวนคนล่าฝันสองหมื่นกว่าคนอาจมีเพียง 1 หรือ 2 คน เท่านั้นที่จะฝ่าด่านก้าวสู่การเป็น “นักบินขับไล่”
โดย...พิเชษฐ์ ชูรักษ์ ธนวัฒน์ เพ็ชรล่อเหลียน
ในจำนวนคนล่าฝันสองหมื่นกว่าคนอาจมีเพียง 1 หรือ 2 คน เท่านั้นที่จะฝ่าด่านก้าวสู่การเป็น “นักบินขับไล่” ตั้งแต่เข้าเตรียมทหาร ขยับเป็นนักเรียนนายเรืออากาศ และโรงเรียนการบิน รวมระยะเวลา 11 ปี ของการเรียนที่ท้าทาย ทำให้หลายคนท้อ บ้างต้องเลือกเบนเข็มชีวิต และจะมีเพียงผู้ผ่านการพิสูจน์อย่างเข้มข้นถึงจะคู่ควรแก่คำกล่าวขาน ...Beyond Horizon- ศักยภาพเหนือขอบฟ้า
ทว่า สำหรับ ระวิน ถนอมสิงห์ ผู้บังคับการกองบิน 1 ไม่ว่าในฐานะผู้บังคับการกองบิน กองทัพอากาศ หรือนายทหารยศนาวาอากาศเอกพิเศษ ก็ไม่อาจอธิบายความ หรือนิยาม “น.อ.ระวิน” ได้ชัดเท่ากับคำว่า “นักรบ” เขาคือนักบินเอฟ 16 แถวหน้าของกองทัพอากาศและคงไม่เกินเลยความเป็นจริง หากจะยกย่องให้เขาเป็นหมายเลข 1
ทุกครั้งที่เครื่องบินขับไล่เอฟ 16 ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ราคาที่ต้องจ่ายสูงถึง 2 แสนบาท/ชั่วโมง ...ณ วันนี้ น.อ.ระวิน บินมาแล้วกว่า 3,000 ชั่วโมง ซึ่งชั่วโมงบินระดับนี้มีเพียงเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายเรืออากาศ รุ่น 33 อีกคนเท่านั้น
นั่นหมายถึงกองทัพอากาศต้องลงทุนถึง 600 ล้านบาท กว่าจะสร้างนักบินขับไล่เกรดเอขึ้นมาได้สักคน
น.อ.ระวิน เล่าว่า มนุษย์ที่ “ปกติ” ที่สุดเท่านั้นที่จะบินเครื่องบินขับไล่ได้ “จริงๆ แล้วเราต้องการคนปกติที่สุด เราต้องการมนุษย์ที่ปกติที่สุดมาทำการบินเครื่องบินขับไล่ เพราะเครื่องบินถูกออกแบบมาให้คนบังคับ ถ้าคนคนหนึ่งมีความผิดมนุษย์ก็จะอันตราย”
คำว่ามนุษย์ที่ปกติที่สุดในที่นี้ หมายถึงมนุษย์ที่มี “ข้อบกพร่อง” น้อยที่สุด เริ่มตั้งแต่ความพร้อมของร่างกาย ซึ่ง น.อ.ระวิน การันตีว่าทุกคนในลิสต์รายชื่อนักบินสามารถเข้าประกวดชายงามได้ทั้งหมด นั่นเพราะต้องผ่านการตรวจเช็กความพร้อมอย่างละเอียดยิบทุกซอกทุกมุม
ฟันผุก็ไม่ได้ การตรวจสายตาไม่ใช่แค่ตรวจสั้น ยาว หรือเอียง แต่ตรวจไปถึงขั้นการแยกแยะระยะการมองเห็น แม้แต่การได้ยินจะทดสอบทั้งโทนเสียงที่แหลมที่สุดไปจนถึงโทนที่ทุ้มที่สุด เบาที่สุด ต่ำที่สุด ก่อนจะนำมาวิเคราะห์ว่านักบินแต่ละคนมีลักษณะการได้ยินเป็นแบบใด
เรื่องไหวพริบปฏิภาณ หรือระดับ “ไอคิว” ของนักบินยิ่งถูกคัดกรองตลอดการเรียนการสอน โดยเฉพาะทักษะการเอาตัวรอด การตัดสินใจในช่วงเวลาคับขัน ซึ่งเดิมพัน “ความเป็น-ความตาย” ในเสี้ยววินาที
“นักบินมีเวลาตัดสินใจแค่เสี้ยววินาที เมื่อตัดสินใจไปแล้วไม่สามารถเปลี่ยนใจได้อีก เพราะอาจจะเสียชีวิตไปแล้ว หรืออาจจะทิ้งระเบิดผิดไปแล้ว ฉะนั้นนักบินไม่สามารถตัดสินใจผิด หรือแก้ตัวได้เลย การรบในอากาศใช้เวลาไม่เกิน 10 วินาที ก็จะรู้ผลแล้วว่าใครตายใครรอด
“ระหว่างที่เครื่องบินของทั้งสองฝ่ายบินเข้าหากัน สมองของนักบินต้องสั่งการแล้วว่าข้าศึกใช้เครื่องรุ่นใด มีข้อดีข้อเสียอย่างไร บินมาในความเร็วขนาดไหน แล้วเราจะต้องบินในท่าทางใด เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบและได้รับชัยชนะกลับมา
“หากต้องบินสวนกับเครื่องข้าศึกในระยะประชิด สมองของนักบินซึ่งถูกฝังข้อมูลลงไปเหมือนมีไมโครชิปก็จะประมวลผลทันทีว่า เครื่องข้าศึกสมรรถนะสูงกว่าหรือไม่ ถ้าสูงกว่าเราควรจะบินในท่าทางอย่างไร จึงจะดึงข้าศึกเข้ามาอยู่ในเกมของเราได้”
การตัดสินใจของนักบินภายในไม่เกิน 1-2 วินาที จึงมีความสำคัญมากกว่าศักยภาพของเครื่องบินด้วยซ้ำไป
ด้วยประสบการณ์ที่คร่ำหวอด และผ่านการสอนนักบินรุ่นน้องมามากมาย น.อ.ระวิน บอกว่า การคัดเลือกนักบินเพื่อบินเครื่องบินขับไล่นั้น ต้องพิจารณาตาม “ความเหมาะสม” คืออาจจะไม่ได้ส่งคนที่บินดีที่สุด หรือเรียนเก่งที่สุด เพราะบางครั้งคนที่เก่งที่สุดอาจไม่เหมาะสมในสถานการณ์นั้นๆ
น.อ.ระวิน บอกว่า บางคนขยันมีความรู้ดีและบินได้บินดีมาก แต่ไม่เหมาะจะเป็นนักบินขับไล่ แม้อยากจะเป็นสุดท้ายต้องไปบินเครื่องบินลำเลียง หรือบิน ซี-130 โดยทั้งหมดนี้ครูการบินและนักจิตวิทยาจะเป็นผู้ทดสอบ และพิจารณาจากระดับคะแนนจนจำแนกว่า ใครเหมาะสมกับการบินประเภทใด
“บางคนเรียนเก่ง สอบได้ 100 คะแนนเต็ม การบินดี แต่มีบุคลิกที่ไม่เหมาะกับการบินคนเดียว เขาอาจติดขัดเรื่องการตัดสินใจ ซึ่งจะเหมาะกับการบินคู่มากกว่า หรือบางคนเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป ไม่ยอมฟังคนอื่น สั่งให้ไปทางหนึ่งก็จะไปอีกทางหนึ่ง ตรงนี้ก็จะมีปัญหา ดังนั้นทุกอย่างต้องดูที่ความเหมาะสม”
ผู้การระวิน ฉายภาพให้ชัดขึ้นอีกว่า ทุกวันนี้สงครามและภัยคุกคามเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปมาก ต่างจากอดีตที่มีเป้าหมายหรือข้าศึกชัดเจน แต่ปัจจุบันเป้าหมายเป็นลักษณะ “Moving target” เป็น
กลุ่มเล็กๆ ที่โผล่มาได้ตลอดเวลา และเพียงครู่เดียวก็หายไป เช่น กลุ่ม Isis ดังนั้นนักบินจึงยิ่งมีเวลาตัดสินใจน้อยมาก
นอกจากความพร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจแล้ว น.อ.ระวิน อธิบายว่า การเป็นนักบินทหารมีความกดดันสูง เพราะงบประมาณของกองทัพอากาศค่อนข้างจำกัด ฉะนั้นเที่ยวบินที่ถูกกำหนดให้นักบินทำการบินจะน้อยไปด้วย จากคนที่ไม่เคยขับเครื่องบินจะต้องขับเครื่องบินเองได้ภายในระยะเวลาการฝึก 8-9 เที่ยว และต้องฝึกหลายท่า หลายสถานการณ์ เพื่อแก้ภาวะวิกฤต
“ใน 8-9 เที่ยวบิน มันจะถูกกดดันด้วยภาวะต่างๆ เยอะ คนที่ต้องการเป็นนักบินจุดมุ่งหมายเดียวก็คือ เรียนจบได้ประดับปีกเป็นนักบินประจำกองทัพอากาศ แต่มันไม่ใช่เรียนไปแล้วสอบ สอบแล้วก็ผ่าน แต่การบินมันต้องบินทุกวัน เช็กทุกสัปดาห์ มีการตรวจสอบมาตรฐานทุกเฟส นั่นหมายความว่าในแต่ละเดือนจะเปิดช่องหรือมีโอกาสให้เขาเก็บกระเป๋ากลับบ้านได้ค่อนข้างสูง คือถ้าเช็กแรกไม่ผ่านปุ๊บ ดาบสองรีเช็กซ้ำ ถ้าไม่ผ่านก็คือต้องเก็บของกลับบ้าน”
ทุกการตัดสินใจจึงมีความหมายต่อ...ศักยภาพเหนือขอบฟ้า