ภัยร้าย...สาวไซด์ไลน์
คนทั่วไปทุกวันนี้ “รู้หน้าไม่รู้ใจ” อย่าคิดว่าเราเลือกไปกับคนที่แต่งตัวดีหรือดูดี แล้วจะไม่ตกเป็นเหยื่อ
คนทั่วไปทุกวันนี้ “รู้หน้าไม่รู้ใจ” อย่าคิดว่าเราเลือกไปกับคนที่แต่งตัวดีหรือดูดี แล้วจะไม่ตกเป็นเหยื่อ
โดย...วัสยศ งามขำ
อาจจะมีพฤติกรรมบางส่วนเหมือนกับ Jack the Ripper ฆาตกรต่อเนื่องเลื่องชื่อชาวอังกฤษ ที่เลือกโสเภณีเป็นเหยื่อฆาตกรรม จะแตกต่างกันตรงที่ ยุทธิศักดิ์ พวงอินทร์ ไม่ได้มุ่งหวังถึงชีวิตเหยื่อ แต่มันก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่บอกว่า พฤติกรรมของเขาจะไม่โหดร้ายป่าเถื่อน
เพราะการที่ยุทธิศักดิ์ใช้มีดปลายแหลมจี้ชิงเงินสดและทรัพย์สินจากสาวไซด์ไลน์ ก่อนข่มขืนซ้ำริมถนนหลายสิบครั้ง มันย่อมบอกได้เลยว่า เขานั้นไม่ต่างกับวิญญาณนรกที่มีองคาพยพเหมือนมนุษย์เท่านั้น
สาวไซด์ไลน์ที่ยืนขายบริการอยู่ริมถนนโลคัลโรด ย่านถนนเพชรบุรี คงรู้สึกหายอกหายใจได้อย่างโล่งอกขึ้น หลังจากตำรวจ สน.มักกะสัน รวบตัววายร้ายจอมหื่นวัย 31 ปี ชาว จ.ชัยนาท ไว้ได้ หลังออกล่าเหยื่อมานานกว่าครึ่งขวบปี หลายคนต้องตกเป็นเหยื่อชิงทรัพย์และข่มขืน
คนอาจจะมองว่า การจับกุมยุทธิศักดิ์โจรที่หากินกับสาวไซด์ไลน์ไร้ทางสู้ ไม่น่าจะใช่งานที่หนักหนาสาหัส เพราะไม่ใช่คดีโด่งดังและทำกันเป็นขบวนการ แต่สำหรับ พ.ต.ท.ปิติพันธ์ กฤดากร ณ อยุธยา สว.สส.สน.มักกะสัน แล้ว เขาและทีมงานรับรู้ดีว่า การแกะรอยสืบสวนคดีจนไปถึงตัวโจรรายนี้ได้ ไม่ต่างกับการเคี้ยวกระดูกชิ้นโต แถมยังต้องเดิมพันด้วยระยะเวลา เพราะกลัวว่าจะมีสาวกลายเป็นเหยื่อเพิ่มขึ้น
พ.ต.ท.ปิติพันธ์ เปิดฉากเล่าถึงการแกะรอยไปสู่การลากคอไอ้ศักดิ์ว่า ฝ่ายสืบสวนทราบว่าสาวไซด์ไลน์หลายนางตกเป็นเหยื่อการชิงทรัพย์และข่มขืนอย่างน้อยมี 6 รายมาแจ้งความ จึงได้รายงานไปยัง พ.ต.อ.ศรัญญู ชำนาญราช ผกก.สน.มักกะสัน และ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1
โดยเริ่มแกะรอยคดีตั้งแต่ต้นปี 2553 โดยยังไม่รู้ว่าคนร้ายเป็นคนคนเดียวกันหรือไม่ จึงเริ่มจากเรียกเหยื่อสาวแต่ละคนที่มาแจ้งความไว้กลับมาซักถามถึงรายละเอียดอีกเพื่อดูถึงแผนประทุษกรรม พวกเธอส่วนใหญ่ให้การสอดคล้องกันถึงพฤติกรรมในการลงมือ รวมถึงการบอกถึงรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายก็ใกล้เคียงกันด้วย จึงให้เหยื่อทั้งหมดไปสเกตช์ภาพคนร้าย ก็พบว่าภาพที่สเกตช์ได้แต่ละภาพนั้นใกล้เคียงกันมาก
“พวกเราเริ่มให้น้ำหนักว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนเดียวกัน เพราะเหยื่อบอกเหมือนกันหลายอย่าง เช่น การใช้มีดจี้ทันทีที่ก้าวขึ้นไปบนรถ จากนั้นก็จะใส่กุญแจมือไพล่หลัง ใช้เทปกาวปิดปาก พาไปจี้เอาทรัพย์สิน หรือให้กดเอทีเอ็ม ก่อนที่จะลงมือข่มขืนในรถริมถนนในที่เปลี่ยว ที่สำคัญมีสาวๆ บางคนพูดตรงกันถึงรอยแผลเป็นที่เหมือนเป็นรอยกัดที่ข้อมือซ้าย” สารวัตรปิติพันธ์ อธิบายถึงฉากสืบสวนเริ่มแรก
พ.ต.ท.ปิติพันธ์ กับพวกเริ่มแกะรอยอย่างช้าๆ กระทั่งกลางดึกของคืนวันที่ 1 มี.ค. ต่อเนื่องเช้าวันที่ 2 มี.ค. เบาะแสชิ้นใหญ่เข้ามาที่โรงพักอย่างไม่คาดคิด เมื่อสาวไซด์ไลน์วัย 22 ปี พาร่างอันชอกช้ำชุ่มเลือดขึ้นโรงพักอย่างทุลักทุเล
สารวัตรปิติพันธ์ไม่รอช้าเริ่มซักข้อมูลทันที หล่อนให้รายละเอียดว่า ขณะที่ยืนเรียกแขกเป็นประจำเหมือนทุกคืน มีชายขับรถยนต์ปิกอัพ ยี่ห้ออีซูซุ สีดำ หมายเลขทะเบียน ชฬ 860 กทม. เข้ามาต่อรองราคา พอตกลงขึ้นรถไปด้วยกัน ชายคนดังกล่าวใช้มีดจี้บังคับเอาทรัพย์สินไป
มิหนำซ้ำคนร้ายยังใช้กุญแจมือล็อกไพล่หลัง พร้อมกับบอกว่าจะพาไปข่มขืน แต่เธอมีสติพอที่จะเล่นเล่ห์เพทุบายกับวายร้าย หล่อนบอกกับคนร้ายว่า ที่ต้องมาทำงานเป็นสาวไซด์ไลน์ เพราะแม่ป่วยหนัก นอนอยู่ในห้องพักที่อาคารกำเนิดทรัพย์ ถนนเพชรพระราม เขตห้วงขวาง และต้องเอาเงินไปให้แม่เพื่อไปหาหมออย่างด่วนที่สุด
ในที่สุดคนร้ายตกหลุมพรางอย่างจัง ยอมที่จะขับรถพาเหยื่อสาวไปส่งเพื่อนำเงินไปให้แม่ แต่มันไม่ยอมให้เหยื่อลงไปจากรถ มันยอมลงจากรถนำเงินไปฝากไว้กับคนดูแลอาคารเอง ระหว่างที่มันเดินหายไปในอาคารนั้น มันไม่เคยล่วงรู้เลยว่า ทั้งรูปร่างและใบหน้าถูกสายตาอิเล็กทรอนิกส์บันทึกไว้เรียบร้อยแล้ว
ย้อนกลับมาที่รถ เหยื่อสาวที่ถูกพันธนาการด้วยกุญแจมือ ก็อาศัยช่วงเวลาเพียงน้อยนิดที่มีค่าดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่ออิสรภาพ จนในที่สุดก็เป็นผลสำเร็จ เธอสามารถถอดกุญแจมือออกมาได้ 1 ข้าง ก่อนที่จะตัดสินใจใช้เท้าทั้งสองข้างถีบที่กระจกหน้ารถจนแตก ก่อนพาเอาร่างแทรกตัวผ่านกระจกออกมาได้อย่างทุลักทุเล ร่างกายของเธอจึงเต็มไปด้วยร่องรอยถูกบาดจากคมกระจกทั่วร่าง ก่อนเข้าแจ้งความกับตำรวจมักกะสัน
ทันทีฟังหล่อนบรรยายฉากอาชญากรรมจบ สารวัตรปิติพันธ์สั่งลูกน้องให้ไปที่อาคารกำเนิดทรัพย์โดยเร็วที่สุด เพื่อเอาภาพวงจรปิดมาดู เพราะเป็นหลักฐานสำคัญในการติดตามตัววายร้ายรายนี้
ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นภาพคนร้ายก็อยู่ในมือทีมสืบสวนทุกคน แต่การตรวจสอบทำให้ตำรวจต้องผิดหวัง เพราะคนร้ายใช้ทะเบียนรถยนต์ปลอม แผนต่อไปของสารวัตรปิติพันธ์ทำได้ดีที่สุดคือ เฝ้า กับ เฝ้า จัดกำลังตำรวจนอกเครื่องแบบไปปะปนอยู่กับเหยื่อสาว รวมทั้งสาวไซด์ไลน์ริมถนน เพื่อดักดูรถยนต์ต้องสงสัย
กระทั่งคืนวันที่ 14 มิ.ย. ท่ามกลางแสงสลัวของไฟส่องทางที่สาดฉายมาบนร่างระหงของบรรดาสาวไซด์ไลน์ สายตาของตำรวจสายสืบที่เฝ้าอยู่ก็พบกับรถยนต์เป้าหมายที่รอคอยมานานหลายเดือน แม้จะยังไม่มั่นใจ แต่ตำรวจที่คืบคลานเข้าไปใกล้รถก็กระชับปืนที่บั้นเอวไว้แน่น
เหมือนที่ตำรวจสายสืบคาดคิด มันพุ่งรถกระบะสีดำสนิทซิ่งหลบหนีทันที ตำรวจที่เฝ้าอยู่หลายนายไม่รอช้ากระโดดขึ้นรถห้อตะบึงกวดติดแบบไม่คิดชีวิต การไล่กวดบนถนนใช้เวลาไม่นานนัก ในที่สุดรถตำรวจก็ปาดหน้าสกัดรถกระบะต้องสงสัยไว้ได้แบบราบคาบ ที่บริเวณถนนกำแพงเพชร 7 ห่างจุดที่พบกันแห่งแรกไม่นานนัก
แน่นอนมันคือ ยุทธิศักดิ์ พวงอินทร์ รับสารภาพกับการกระทำของมันทันทีที่ตำรวจนำไปสอบสวนที่โรงพัก นั่นอาจจะเป็นเพราะมันจำนนในหลักฐานที่ตำรวจค้นพบในรถ ทั้งหมดเป็นอุปกรณ์ที่มันเตรียมมาใช้กระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นสนับมือ กุญแจมือ และเชือก โดยเหยื่อทุกคนก็ชี้ตัวยืนยันว่ามันคือซาตานที่ลงมือกับพวกหล่อน
ศักดิ์ อ้างกับตำรวจว่า เป็นช่างแอร์ที่ จ.ชัยนาท เวลาจะลงมือหาเหยื่อก็จะขับรถเข้ามาในกรุงเทพฯ เมื่อเสร็จแล้วก็จะขับรถกลับบ้านเกิด ก่อนหน้านี้เคยถูกสาวไซด์ไลน์หลอกจ่ายเงินค่าบริการแต่หนีไป จึงเกิดความแค้น เลยเลือกลงมือกับเหยื่อที่เป็นสาวบริการเหมือนกันรวม 5 ครั้ง
แน่นอนตำรวจไม่เชื่อคำให้การของมัน เพราะการสืบสวนพบว่ามันก่อเหตุมาแล้วประมาณ 20-30 ราย นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายอย่างน้อย 1 ราย ที่เขาเคยนำไปข่มขืนที่ จ.ชัยนาท ถึง 3 วัน
“ผมรู้สึกว่าภัยสังคมที่เกิดกับเหยื่อที่เป็นผู้หญิงไม่มีทางสู้ ควรหมดไปจากสังคมได้แล้ว เราไม่ได้มองว่าพวกเธอเป็นผู้หญิงขายบริการ เป็นอาชีพที่ผิดกฎหมาย จึงไม่ควรไปปกป้อง เราอย่าคิดแบบนั้น คิดแบบนั้นไม่ได้ เขาก็มีชีวิต 1 ชีวิตเหมือนกับเรา แล้วเขามาถูกกระทำ มันไม่น่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เราต้องช่วยเขา” สารวัตรปิติพันธ์ ปิดท้ายไว้อย่างน่าคิด !!!
สาวไซด์ไลน์...พึงระวัง
1.การขายบริการทางเพศเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย แค่เสนอขายก็มีโทษปรับแล้ว 1,000 บาท หากขายสำเร็จแล้วจะมีโทษจำคุก นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อการติดโรคทางเพศสัมพันธ์อีกด้วย
2.คนทั่วไปทุกวันนี้ “รู้หน้าไม่รู้ใจ” อย่าคิดว่าเราเลือกไปกับคนที่แต่งตัวดีหรือดูดี แล้วจะไม่ตกเป็นเหยื่อ เพราะอาชญากรบางคนนิยมพรางตัวเอง เพื่อหลอกล่อให้เหยื่อตายใจ
3.ไม่ควรนำเงินสดติดตัวไว้จำนวนมาก หรือพกบัตรเอทีเอ็ม แม้กระทั่งสวมใส่เครื่องประดับที่ล่อตาล่อใจ
4.หากจำเป็นต้องลักลอบขายบริการ ควรให้เพื่อนจดทะเบียนรถยนต์ที่มารับ หรือสอบถามหมายเลขโทรศัพท์ไว้ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินจะได้แจ้งตำรวจได้