ทุกรกิริยา...หนึ่งบทพิสูจน์ กว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

31 พฤษภาคม 2558

ช่วงเวลา 10 โมงตรงถึง 11 โมงของวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ เชื่อว่าเป็นเวลาที่หลายคนกำลังจดจ้องสายตาดูละคร

โดย...แมงโก้หวาน

ช่วงเวลา 10 โมงตรงถึง 11 โมงของวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ เชื่อว่าเป็นเวลาที่หลายคนกำลังจดจ้องสายตาดูละครเรื่อง “พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก” ทางช่องเวิร์คพอยท์ ผมเองถ้าไม่มีธุระปะปังที่ไหนก็ต้องดูพร้อมกับลูกๆ ซึ่งพวกเขาตั้งตารอเวลานี้เสมอเมื่อวันหยุดเสาร์อาทิตย์มาถึง หลายท่านก็คงดู และชาวพุทธก็ควรจะได้ดูละครเรื่องนี้อย่างยิ่ง

 ความที่เป็นละครนอกจากคนดูจะได้รับความบันเทิงแล้ว ทุกครั้งที่ดูก็ยิ่งทำให้เราได้น้อมรำลึกถึงพระบรมศาสดามากขึ้นเรื่อยๆ ในมุมต่างๆ ของพระองค์ผ่านตัวละคร เช่น ตอนเป็นเจ้าชายสิทธัตถะได้ทรงแสดงออกถึงพระปรีชาสามารถหลายครั้ง เช่น ทรงมีแนวคิดในการบริหารปกครองบ้านเมือง และความมีน้ำพระทัยยิ่งด้วยพระเมตตา เป็นต้น

 และพรุ่งนี้ (1 มิ.ย.) เป็นวันวิสาขบูชา คือ วันประสูติ ตรัสรู้ และเสด็จดับขันธปรินิพพานเวียนมาถึงอีกครา แต่สิ่งหนึ่งที่อยากให้ชาวพุทธได้ตระหนักรู้ถึงความสำคัญของวันนี้โดยเฉพาะในช่วงก่อนที่พระมหาบุรุษจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านั้นทรงบำเพ็ญความเพียรแรงกล้าโดยที่มนุษย์อย่างเราท่านก็คงทำไม่ได้อย่างพระองค์แน่ และสิ่งที่ทรงทำนั้นเรียกว่า “ทุกรกิริยา”

 ทุกชีวิตของคนเราย่อมมีช่วงเวลาแห่งความยากลำบากและช่วงเวลาที่ทรงบำเพ็ญทุกรกิริยาตลอดระยะเวลา 6 ปีเต็มนั้น ก็ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากของพระองค์กว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ซ้ำการได้ตรัสรู้นั้นก็ไม่ได้ตรัสรู้จากการบำเพ็ญทุกรกิริยาแต่เกิดจากอีกวิธีซึ่งตรงข้ามโดยสิ้นเชิงจากทุกรกิริยา ก็คือ การบำเพ็ญความเพียรทางใจ แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกรกิริยานั้นทำให้พระองค์ได้มองเห็นวิธีใหม่ในการหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง

 ทุกรกิริยาเป็นสิ่งที่ทำยากขนาดไหน หฤโหดหินแค่ไหนต้องฟังจากพระองค์เอง ซึ่งในคราวหนึ่ง หลังจากได้ตรัสรู้แล้วพระองค์ได้ตรัสเล่าเรื่องการทำทุกรกิริยาของพระองค์ให้พระสารีบุตรเถระฟัง เชื่อว่าหลายคนได้ฟังต้องเกิดอัศจรรย์ใจในความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของมหาบุรุษแน่นอน แล้วพระองค์ทำทรงอย่างไรบ้างล่ะ!!! 

 การกลั้นลมหายใจ เป็นหนึ่งวิธีที่ทรงทำ ซึ่งมิใช่การกลั้นลมหายใจธรรมดา แต่เป็นการกลั้นจนกระทั่งเกิดเสียงบันลือลั่นขึ้นในหู และมีความเจ็บปวดรวดร้าวเกิดขึ้น ในศีรษะเหมือนถูกแทงด้วยดาบ หรือถูกหวดด้วยแส้หนัง ตามเนื้อตัวของพระองค์รู้สึกเจ็บเหมือนคนเอามีดคมๆ มาแล่เนื้อเถือหนังทั้งตัว หรือเหมือนถูกโยนไปในหลุมเพลิงอันร้อนระอุ ทรงกลั้นลมหายถึง 6 วาระ โดยเพิ่มความหนักหน่วงขึ้นไปเรื่อยๆ

 ทรงอยู่โดดเดี่ยวคนเดียวทั้งกลางวันกลางคืน เที่ยวไปคนเดียวในที่เปลี่ยวตามที่ฝังศพในระหว่างต้นไม้ใหญ่และอยู่ที่นั่นตลอดทั้งคืน เกิดอาการขนลุกชูชันไปทั้งตัว ขนาดคราวที่ใบไม้หล่นลงมาจากถูกลมพัดหรือนกบินมาจับ หรือแม้กระทั่งกวางหรือสัตว์อื่นๆ วิ่งผ่านมาก็สะดุ้งกลัวจนตัวสั่น แต่ก็ไม่ได้วิ่งหนีไปไหน บังคับตัวเองให้ทนอยู่ที่นั่นให้ผจญกับความกลัวจนกระทั่งทรงเอาชนะความกลัวได้

ทุกรกิริยา...หนึ่งบทพิสูจน์ กว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

 

 ทรงอดอาหาร โดยเริ่มจากกินหนึ่งมื้อต่อวัน ต่อมาสองวันและสามวันต่อหนึ่งมื้อ จนกระทั่ง 15 วันจึงกินครั้งหนึ่ง บางคราวกินหญ้า บางคราวกินรากหญ้า บางคราวกินแต่ผลไม้ป่า รากไม้ ผักป่า เห็ด เมล็ดหญ้า บางคราวกินอะไรก็ได้เท่าที่คว้ามาได้จากพื้นดินรอบๆ ทรงปิดร่างกายด้วยเศษผ้าที่เขาทิ้ง บางทีด้วยหนังสัตว์ที่ตายเอง ด้วยหญ้า ด้วยขนนกที่ร่วงหล่น ต้องอยู่ในป่าเปลี่ยว ไม่เห็นผู้คนเป็นเดือนๆ กลางดึกที่หนาวจัดก็ออกมาอยู่กลางแจ้ง ไม่เคยผิงไฟ กลางวันแดดจัดหมกตัวในป่า ในฤดูร้อนที่แดดเปรี้ยงก็นั่งอยู่กลางแดดตลอดวัน ตกกลางคืนก็อยู่ในพุ่มไม้ที่รกทึบ

 พระองค์เล่าให้พระสารีบุตรฟังต่อว่า สมัยหนึ่งไม่กินอะไรเลยนอกจากถั่ว ต่อมาไม่กินอะไรเลยนอกจากเมล็ดพันธุ์ผักกาด และไม่กินอะไรเลยนอกจากข้าว ซึ่งในการกินแต่ละอย่างนั้นได้ลดปริมาณลงทุกวันจนเหลือวันเดียว กินถั่วเพียง หนึ่งเม็ด กินเมล็ดพันธุ์ผักกาดหนึ่งเม็ด และข้าวหนึ่งเมล็ดต่อวัน จนร่างกายซูบผอมจนเห็นกระดูก ขามีลักษณะอย่างต้นอ้อ สะโพกมีสัญฐานดั่งเท้าอูฐ กระดูกด้านหลังโปนขึ้นเหมือนเส้นเชือก สีข้างปรากฏซี่โครงเป็นซี่ๆ ตาลึกในเบ้าตา ศีรษะเหี่ยวย่นเหมือนน้ำเต้าอ่อนอยู่กลางแดด ทุกครั้งที่ลูบแขนขนก็จะหลุดติดมือไปด้วย

 นอกจากนี้ ยังทรงเคยประพฤติเช่นเดียวกับวัตรของเดียรถีย์ เช่น เปลือยกาย เช็ดอุจจาระด้วยมือ ทรงยืนกระโหย่งไม่นั่ง เดินกระโหย่ง เดินบนหนาม นอนบนหนาม ลงสู่น้ำเวลาเย็น และอีกหลายต่อหลายอย่าง แต่ไม่ว่าจะด้วยการทรมานกายตัวเองอย่างนี้ๆ นานถึง 6 ปี โดยหวังจะตรัสรู้แต่ก็ไม่บรรลุผลจนที่สุดก็ทรงเลิกแล้วหันมาวิธีใหม่ด้วยการบำเพ็ญความเพียรทางจิตแล้วประสบความสำเร็จได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในวันเพ็ญเดือน 6 คือวันวิสาขบูชานี่เอง

 เชื่อเหลือเกินว่าการทำทุกรกิริยาของมหาบุรุษจะเป็นแรงบันดาลใจที่ดีเยี่ยมให้กับทุกๆ คนโดยเฉพาะผู้ที่ลองทำอะไรแล้วไม่สำเร็จ จะหนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง หรือมากกว่านั้นก็ตาม อย่าเพิ่งท้อแท้ ให้ดูพระพุทธเจ้าเป็นตัวอย่าง เพราะกว่าจะตรัสรู้ต้องใช้เวลามากถึง 6 ปี และวิธีที่ทรงทำก็ล้วนโหดหินหนักหนาสากรรจ์ทั้งสิ้น

Thailand Web Stat