posttoday

วัดกัลยาณ์ ถึงเวลาต้องร้างแล้วหรือ

30 สิงหาคม 2558

สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ นัดให้ไปล่องเรือชมคลองประวัติศาสตร์ของไทย คือคลองบางกอกน้อย คลองชักพระ

โดย...สมาน สุดโต

สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ นัดให้ไปล่องเรือชมคลองประวัติศาสตร์ของไทย คือคลองบางกอกน้อย คลองชักพระ และคลองบางหลวง โดยนัดลงเรือที่ยอดพิมาน ริเวอร์วอล์ค เวลา 13.30 น. ก่อนถึงเวลานัดหมาย เราใช้เวลาไปวัดกัลยาณ์ฯ ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเพื่อดูผลงานอธิบดีกรมศิลปากร บวรเวท รุ่งรุจี ที่ใช้อำนาจตามกฎหมายทุบศาลาราย 2 หลัง ที่หลังพระวิหารหลวง จนราบเป็นหน้ากลอง ได้เห็นก็สะเทือนใจที่กรมศิลป์ ที่มีหน้าที่อนุรักษ์ ดูแลโบราณสถาน เข้าทุบทำลายศาลาในวัดพุทธศาสนา ที่ประชาชนชาวพุทธสร้างถวายสงฆ์ ได้กลายร่างจากผู้อนุรักษ์ เดินเคียงข้างวัด ช่วยวัด มาเป็นผู้ทำลาย สาเหตุเพราะวัดสร้างทับพื้นที่ที่เป็นเขตโบราณสถานโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมศิลป์

นอกจากศาลาราย 2 หลังที่ทุบไปแล้ว ยังมีศาสนสถานอีก 20 กว่ารายการ ที่อยู่ในข่ายกรมศิลป์จะทุบ รวมทั้งอาคารขนาดใหญ่ที่เป็นศาลาอเนกประสงค์ที่สร้างด้วยเงิน 26 ล้านบาท คือ อาคารมหานิกรบดินทร์

ศาลาราย 2 หลัง ใช้เวลารื้อไม่นาน เพราะกรมศิลป์จ้างบริษัทเอกชนมารื้อในวงเงิน 4 แสนบาท เริ่มรื้อวันที่ 24 ก.ค. 2558 วันที่ 22 ส.ค. 2558 ก็เหลือแต่กองอิฐและโครงหลังคาที่เป็นเหล็กกองไว้ให้รกวัด รกตา หาประโยชน์มิได้ กลายเป็นกองเศษวัสดุในวัด หาค่ามิได้ แม้ว่ากรมศิลป์จะต้องขายทอดตลาดตามกฎหมายก็ตาม

เมื่อนึกถึงงบประมาณ 4 แสนบาท ที่ใช้ทุบทำลายวัด ถือว่าเป็นการใช้งบประมาณที่เป็นภาษีอากรของประชาชน มาทำลายสิ่งที่ประชาชนชาวพุทธร่วมกันสร้างด้วยมูลค่านับล้านบาทอย่างน่าใจหาย

อธิบดีกรมศิลป์ ยังบอกว่า ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ตั้งงบประมาณไว้ 1 ล้านบาท เพื่อทุบทำลายโบราณสถานที่สร้างในเขตที่ประกาศเป็นโบราณสถานโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมิได้เจาะจงที่ใดที่หนึ่ง แต่ไม่มีใครปฏิเสธว่ากุฏิซึ่งเป็นที่พักสงฆ์ ศาลาที่บำเพ็ญกุศล และศาลารายอีกหลายหลังในวัดกัลยาณ์อยู่ในข่ายนี้ เพราะกรมศิลป์กล่าวว่า เจ้าอาวาสวัดกัลยาณ์ รื้อทำลายโบราณสถาน และสร้างใหม่รวม 26 รายการ จากที่ขึ้นทะเบียนไว้ 89 รายการ ในเวลา 12 ปี นับแต่ปี 2546-2558

วัดกัลยาณ์ ถึงเวลาต้องร้างแล้วหรือ ภาพสถานที่เดียวกันเมื่อ 22 ส.ค. 2558

 

กรมศิลป์ แจ้งความดำเนินคดี ฟ้องศาล และทำหนังสือแจ้งเจ้าอาวาสตลอดเวลา ขอร้องว่าอย่ารื้อ อย่าทำลายโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนแล้ว และอย่าสร้างในเขตที่ประกาศเป็นเขตโบราณสถานโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เจ้าอาวาสหาได้นำพาไม่ มาวันนี้กรมศิลป์จึงใช้งบประมาณซึ่งเป็นภาษีอากรของประชาชนมาทุบทำลายศาสนสถานที่ประชาชนช่วยกันสร้าง ใครเห็นก็สะเทือนใจ

เรื่องนี้ต้องฝากถึงอธิบดีกรมศิลปากรคนใหม่ ที่จะมาแทน บวรเวท รุ่งรุจี ที่เกษียณอายุราชการ วันที่ 30 ก.ย. 2558 ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร หรือเดินหน้าใช้ภาษีอากรประชาชนทำลายของที่ประชาชนสร้างถวายวัดต่อไปเรื่องแบบนี้ ถ้านายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใจเย็น ไม่สนใจไยดี วัดกัลยาณ์จะไม่มีอะไรเหลือ จึงขอเรียกร้อง นายกรัฐมนตรีให้ใช้ มาตรา 44 ที่มีอำนาจครอบจักรวาลมาแก้ไข หามิเช่นนั้นวัดกัลยาณ์จะกลายเป็นวัดร้างกลางกรุง อย่างหลีกเลี่ยงมิได้ กลายเป็นเรื่องเศร้าของชาวพุทธ