"จักรทิพย์" จ่อสอบวิธีประกอบระเบิดกลางกรุง
จักรทิพย์เผยคดีบึ้มยังใช้ชุดทำงานสืบสวนสอบสวนเดิม ระบุ ระเบิดราชประสงค์ใส่หม้อแขก พบฝักแคโยงใต้ ตรวจสอบ ขยายผล
จักรทิพย์เผยคดีบึ้มยังใช้ชุดทำงานสืบสวนสอบสวนเดิม ระบุ ระเบิดราชประสงค์ใส่หม้อแขก พบฝักแคโยงใต้ ตรวจสอบ ขยายผล
เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 30 ก.ย.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามตัวผู้ต้องหาในคดีระเบิดแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทรว่า จากนี้การทำงานคลี่คลายคดีดังกล่าวจะใช้ชุดทำงานชุดเดิม รวมทั้งพล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.ที่มารรท.ผู้ช่วยผบ.ตร. เนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดปัจจุบันที่ทำคดีนี้อยู่มีความเชี่ยวชาญและเข้าใจการทำงานเป็นอย่างดีอยู่แล้วจากนี้จึงสามารถเดินหน้าทำคดีต่อไปได้ทันทีไม่มีปัญหาแน่นอน
เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะมีอะไรออกมาเพิ่มเติมในคดีระเบิดอีกหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ตนตระหนักดีว่าตำแหน่ง ผบ.ตร. เป็นตำแหน่งที่มีความท้าทายมาก ตนจึงต้องทำให้ดีที่สุดอยู่แล้ว
ถามต่อว่าผู้ต้องหาอีก 15 คนที่เหลือในขบวนการนี้คาดว่าจะได้ตัวเพิ่มหรือไม่ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้ต้องหาในคดีระเบิดหรือคดีทั่วไป ตนก็ต้องดำเนินการติดตามจับกุมให้ได้อยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง
ถามถึงความมั่นใจในการดำเนินคดีกับ นายอ๊อด พยุงวงศ์, น.ส.วรรณา สวนสัน และนายซูแบร์ ผู้ต้องหาตัวการสำคัญในขบวนการนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐานอยู่แล้ว หากไม่มีพยานหลักฐานที่ชัดเจนศาลคงไม่ออกหมายจับอยู่แล้ว ส่วนการทำงานของชุดสืบสวนสอบสวนนั้นตนเชื่อในประสบการณ์และความละเอียดรอบคอบของ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ผบช.น. อยู่แล้ว
รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงลักษณะระเบิดที่ใช้ก่อเหตุที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ที่มีการระบุว่าใส่ในหม้อแขก(หม้อลักษณะเฉพาะไม่มีหูจับด้านข้าง) ว่า เป็นระเบิดที่ใส่ในหม้อ โดยจากประสบการณ์ที่ทำงานด้านความมั่นคงมานั้นระเบิดลักษณะนี้ถูกนำมาใช้น้อยครั้งมาก โดยเป็นความถนัดของผู้ก่อเหตุแต่ละพื้นที่ เรียกว่าเป็นลายเซ็นของแต่ละกลุ่ม เช่นการตัดสติ๊กเกอร์บางคนถอดออก บางคนฉีกเลย เป็นต้น เหล่านี้จะมีความแตกต่างกับเหตุการณ์อื่นๆจึงอาจจะนำไปสู่การค้นหาตัวผู้ต้องหาได้ ขณะที่กรณีการพบฝักแคระเบิดที่ใช้เป็นตัวจุดชนวนระเบิดครั้งนี้นั้น เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบติดตามอยู่โดยจะนำเหตุการณ์ที่มีลักษณะคล้ายกันมาตรวจสอบ ซึ่งที่ผ่านมาเคยพบว่ามีบางกลุ่มเคยใช้อุปกรณ์ชนิดนี้ในการก่อเหตุบริเวณพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เช่นกัน ก็ต้องตรวจสอบและขยายผลไปถึงกลุ่มนี้เมื่อหลักฐานโยงไปถึง โดยที่ผ่านมาก็ตรวจสอบไปที่จังหวัดภาคใต้โดยตลอด หาไปถึงใครก็ออกหมายจับ