รัฐแจงใช้ม.44เพื่อช่วยระบายข้าวให้เร็วขึ้น
โฆษกรัฐบาลเผย ใช้มาตรา44 เพื่อช่วยระบายข้าวให้เร็วขึ้น ลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐ สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน ชี้คนละเรื่องกับคดี
โฆษกรัฐบาลเผย ใช้มาตรา44 เพื่อช่วยระบายข้าวให้เร็วขึ้น ลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐ สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน ชี้คนละเรื่องกับคดี
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 39/2558 เรื่องการคุ้มครองการบริหารจัดการข้าวคงเหลือในการดูแลรักษาของรัฐ และการดำเนินการต่อผู้ต้องรับผิดว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นเครื่องมือหนึ่งในการระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาล ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับการดำเนินคดีของผู้กระทำผิดที่ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนปกติ จึงไม่อยากให้สังคมเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากขณะนี้ยังมีข้าวตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลในอดีต คงเหลืออยู่ในการดูแลของรัฐทั่วประเทศเป็นปริมาณมหาศาล จึงจำเป็นต้องระบายออกเพื่อไม่ให้เป็นภาระทั้งค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาในโกดังต่าง ๆ และการถูกกดราคาหากเก็บไว้นานกว่านี้
ทั้งนี้ การดำเนินการระบายข้าว มีความยากลำบากในการปฏิบัติหลายด้าน เช่น บางคลังมีข้าวล้มกองจำเป็นต้องจำหน่ายเหมาคลัง ซึ่งอาจมีข้าวใช้ได้ปะปนอยู่บ้าง แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถแยกแยะได้ นอกจากนี้ ยังมีคดีที่เกี่ยวข้องกับการระบายข้าวหลายคดี และสต็อกข้าวที่จะระบายจะมีราคาที่แตกต่างจากราคารับจำนำค่อนข้างมากเพราะเป็นข้าวเสื่อมสภาพ ทำให้ผู้ปฏิบัติงานไม่กล้าตัดสินใจในการดำเนินการและหาผู้ปฏิบัติงานได้ยาก ดังนั้น คำสั่งดังกล่าวจะช่วยคุ้มครองผู้ปฏิบัติงานทั้งคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ภาคเอกชน และอีกหลายส่วน ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น และป้องกันการถูกกล่าวหาว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน
"การใช้มาตรา 44 จะช่วยให้การระบายข้าวเร็วขึ้น ทั้งข้าวดีและข้าวเสื่อมสภาพ รวมทั้งช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการข้าวในสต็อกของรัฐ และช่วยให้ตลาดข้าวกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วได้ รัฐบาลขอยืนยันว่า แม้จะมีคำสั่ง หน.คสช.ดังกล่าวออกมา แต่ทุกอย่างก็ต้องดำเนินการไปตามข้อกฎหมายและระเบียบขั้นตอนในการระบายข้าวด้วยความโปร่งใส ไม่ใช่การใช้อำนาจตามอำเภอใจ"พล.ต.สรรเสริญกล่าว