หวั่นสัญญาสร้างโรงพักตร.ล็อคสเปค
สตง.ติง สตช. สร้างโรงพักภายในสัญญาเหมารวมมีความเสี่ยง หวั่น ล็อคสเปค แถมยังไม่มีการกระจายทั่วถึง ด้าน เพื่อไทย ปูพรมขอคัดงบ กสม. 50 % เหตุ เกียร์ว่างไม่แตะศอฉ.สลายแดง
สตง.ติง สตช. สร้างโรงพักภายในสัญญาเหมารวมมีความเสี่ยง หวั่น ล็อคสเปค แถมยังไม่มีการกระจายทั่วถึง ด้าน เพื่อไทย ปูพรมขอคัดงบ กสม. 50 % เหตุ เกียร์ว่างไม่แตะศอฉ.สลายแดง
ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 ในส่วนงบประมาณขององค์กรอิสระต่างๆโดน ได้พิจารณางบประมาณของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)จำนวน 1,653,187,800 บาท โดยกมธ.บางส่วน อาทิ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.สัดส่วน พรรครวมชาติพัฒนา สอบถามถึงการตรวจสอบกรณีการสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 สถานี วงเงินก่อหนี้ผูกพัน 6,298 ล้านบาท โดยเป็นงบปี 54 จำนวน 2,976 ล้านบาท ที่มีการร้องเรียนพบการจัดซื้อจัดจ้างแบบรวมไว้ส่วนกลางเป็นสัญญาเดียว สตง.มองว่าอย่างไร และผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐหรือไม่
นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการสตง. รักษาการแทนคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการสตง.ที่หยุดปฏิบัติหน้าที่เนื่องจากอายุครบ 65 ปี ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ ชี้แจงว่า สตง.มองว่า การจ้างเหมารวมไว้ที่ส่วนกลางมีความสุ่มเสี่ยง เพราะจะได้ผู้รับเหมารายเดียว การแข่งขันมีน้อย โอกาสที่จะล็อกสเปกก็มีสูง และยังไม่กระจายรายได้ไปยังภูมิภาค สุ่มเสี่ยงการให้มีการจ้างช่วงงาน เพราะต้องก่อสร้างพร้อมกันทั่วประเทศทำให้บริษัทนั้นไม่มีศักยภาพเพียงพอ และยังเสี่ยงต่อการเบิกจ่ายล่าช้า ฉะนั้นโดยทั่วไปจึงควรกระจายการประมูลงาน ซึ่งสตง.จะตรวจสอบในเรื่องนี้ต่อไป อย่างไรก็ดีการแก้ไข ในอนาคตก็ต้องไม่ตั้งงบให้กระจุกแบบนี้
จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณางบประมาณของสำนักงานป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไปอย่างรวดเร็ว และเข้าสู่งบประมาณของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ซึ่งกรรมาธิการจากพรรคเพื่อไทยไม่ต่ำกว่า 5 คน ได้สงวนความเห็นขอปรับลดงบประมาณลง 50% จากวงเงินที่ได้รับการจัดสรรในปี 2554 จำนวน 182 ล้านบาท โดยให้เหตุผลว่าการทำงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนไม่เป็นผลสำเร็จ โดยเฉพาะการติดตามเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย กรณีการเข้ากระชับพื้นที่คนเสื้อแดงของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ที่กรรมาธิการมองว่ากรรมการสิทธิฯไม่แสดงบทบาทในการปกป้องประชาชนเท่าที่ควร
ต่อมาได้มีการพิจารณางบประมาณของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ ซึ่งนายวิรัช รัตนเศรษฐ กรรมาธิการจากพรรครวมชาติพัฒนา ตั้งข้อสังเกตุถึงการตั้งงบประมาณเพื่อดูงาน อบรม วิจัยต่างๆ จำนวนมาก โดยขอให้สภาที่ปรึกษากลับไปทำรายละเอียดของแผนงานที่ชัดเจนนำเสนอกลับมายัง คณะกรรมาธิการฯอีกครั้งเพราะเห็นว่าเป็นการตั้งงบที่ฟุ่มเฟือย