"ตุ๊กตาลูกเทพ" นวัตกรรมใหม่ทางไสยศาสตร์
ชำแหละปรากฎการณ์ "ตุ๊กตาลูกเทพฟีเวอร์" จากเพื่อนคลายเหงาสู่ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์
เรื่องและภาพ...อินทรชัย พาณิชกุล
ภาพคนอุ้มตุ๊กตาขึ้นรถไฟฟ้า เที่ยวห้าง กินข้าวในร้านอาหาร เข้าสปา ยันใส่รถเข็นเดินเล่นในสวนสาธารณะ ด้วยท่าทีประคบประหงมดูแลราวกับลูกน้อย กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างครึกโครมถล่มทลาย
บ้างส่ายหัวมองว่าเสียสติ บ้างสะกิดให้เพื่อนดูด้วยสายตาเหยียดหยาม ขณะที่อีกหลายคนถึงกับหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
ทั้งหมดนี้คือหลากหลายปฏิกิริยาที่คนจำนวนไม่น้อยมีต่อ "ตุ๊กตาลูกเทพ"
ลูกเทพฟีเวอร์
รู้จักตุ๊กตาลูกเทพไหม?
ตุ๊กตาลูกเทพ ดัดแปลงมาจากตุ๊กตารีบอร์น เบบี้ (Reborn Baby Dolls) ตุ๊กตาของเล่นชื่อดัง ทำจากวัสดุไวนิลที่มีความนิ่มในตัว ลงสีผิว แต่งหน้าทาปากจนคล้ายคลึงกับเด็กทารกจริงๆ ในต่างประเทศนิยมเลี้ยงเป็นเพื่อนคลายหงา แต่ในเมืองไทยมีการเอาตุ๊กตาไปทำพิธีกรรมปลุกเสกโดยเกจิอาจารย์ เพื่อบูชาภายใต้ความเชื่อว่าชีวิตจะรุ่งเรือง
"กระแสตุ๊กตาลูกเทพดังมาเกือบปีแล้ว ดังเพราะดาราดังๆพากันอุ้มออกสื่อ ชาวบ้านเลยแห่เลี้ยงตาม สมัยก่อนจะเล่นกันเฉพาะกลุ่มคนรักตุ๊กตาเท่านั้น แต่หลังๆมีการนำตุ๊กตาเปล่าๆมาให้หลวงพ่อปลุกเสกลงอาคม แล้วใช้คำเรียกว่าลูกเทพ มันก็เลยกลายเป็นเรื่องใหม่ในวงการของขลัง เดี๋ยวนี้มีร้านขายตุ๊กตาลูกเทพผุดขึ้นเป็นร้อยๆเจ้า มีทั้งขายอย่างเดียว รับเจิม ไม่ก็เป็นแพ็คเกจตั้งแต่ขาย เจิม ทำผม แต่งหน้า ชุดเสื้อผ้า หลายวัดถึงขนาดลงทุนทำเอง วัดนี้สร้างแล้วดัง วัดอื่นก็ทำตาม แข่งกันดุเดือดมากๆ"
คำบอกเล่าของ คิงส์-เดชอดุลย์ ณชาริยางกูร เจ้าของร้านขายตุ๊กตาลูกเทพชื่อ 'บ้านลูกเทพ'
ตุ๊กตาลูกเทพในปัจจุบันราคาเริ่มต้นตัวละ 399-19,999 บาท มีหลายรุ่นหลายเกรด ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นแม่บ้านสูงอายุ พนักงานออฟฟิศ ดารา แม่ค้า นักศึกษา มีตั้งแต่เลี้ยงไว้แก้เหงายันบูชาไว้เป็นของขลังติดตัว
"การนำตุ๊กตาเปล่าๆไปเจิม ทำพิธีปลุกเสกลงอาคม มันก็เหมือนเวลาเราไปเจอพระเกจิอาจารย์ที่วัดดังๆ แล้วเอากระเป๋าสตางค์ เอารถยนต์ไปให้ท่านเจิม สิ่งของเหล่านั้นมันผ่านการทำพุทธาภิเษก หลายคนจึงเชื่อว่าในตัวตุ๊กตามีพลังงานศักดิ์สิทธิ์แฝงอยู่ ผมย้ำกับลูกค้าเสมอว่า ถ้าคิดจะพาน้องเขาไปเลี้ยงก็ควรหมั่นเข้าวัดทำบุญ สวดมนต์ไหว้พระ ตุ๊กตาเป็นเพียงกุศโลบายให้คนเลี้ยงทำความดี การทำบุญเยอะๆบุญกรรมที่ทำมันจะสัมพันธ์กับสิ่งที่เราร้องขอ ไม่ใช่ว่ามัวหลงงมงายว่าตุ๊กตาเป็นวัตถุให้โชคให้ลาภโดยเจ้าของงอมืองอเท้าไม่ทำอะไรเลย ลูกค้าหลายคนเริ่มจากไม่เชื่อก่อน พอทดลองเอาไปเลี้่ยงแล้วเห็นผล เคยป่วยก็หายป่วย เคยเป็นหนี้ก็หมดหนี้ ทำมาค้าขึ้น ชีวิตดีอย่างเห็นได้ชัด คราวนี้เลยแห่มาพิสูจน์กันใหญ่"
เห็นได้จากศิลปิน ดารา คนดัง ต่างเปิดตัวว่าเลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพอย่างไม่อาย อาทิ ดีเจบุ๊คโก๊ะ- ธนัชพันธ์ บูรณาชีวาวิไล กับน้องวันใส ไฮโซม่านฟ้า-อรปภัตร จันทรสาขา กับตุ๊กตาลูกเทพที่ชื่อน้องน่านฟ้า กัสจัง- จีราร์ พิทักษ์พรตระกูล กับน้องตาหวาน กระต่าย- ทรรศิกา ยุติมิตร กับน้องซาราห์ แม้แต่มดดำ-คชาภา ตันเจริญ และดัง- พันกร บุณยะจินดา ที่เลี้ยงไว้หลายตัวและมักจะอุ้มตุ๊กตาลูกเทพไปเที่ยวต่างประเทศด้วยเสมอ
จากปากโน้นสู่ปากนี้ แพร่สะพัดไปทุกวงการปานไฟลามทุ่ง ส่งผลให้เกิดธุรกิจต่อยอดตามมามากมาย เช่น ธุรกิจตัดเย็บเสื้อผ้าตุ๊กตา ทำผม แต่งหน้า สอนพิเศษ รับจ้างพาลูกเทพไปทานข้าวนอกบ้าน ฯลฯ
ที่เรียกเสียงฮือฮามากๆคือ บรรดาธุรกิจยักษ์ใหญ่หันมาเกาะกระแสลูกเทพฟีเวอร์กันอย่างคึกคัก ด้วยการออกแคมเปญใหม่เพื่อให้บริการตุ๊กตาลูกเทพโดยเฉพาะ เช่น สายการบินไทยสมายล์จำหน่ายตั๋วโดยสารที่นั่งสำหรับตุ๊กตาลูกเทพ พร้อมบริการอาหารว่างและเครื่องดื่มเหมือนเดิมผู้โดยสารทั่วไป นครชัยแอร์ก็เตรียมเปิดขายบัตรโดยสารตุ๊กตาลูกเทพให้กับลูกค้าที่ต้องการเดินทางพร้อมกับตุ๊กตาลูกเทพ ทั้งยังกำชับให้พนักงานให้บริการตุ๊กตาลูกเทพเหมือนผู้โดยสารคนหนึ่ง ร้านบุฟเฟ่ต์ชื่อดังอย่าง Hot Pot และ Neta Grill จัดโปรโมชั่นอิ่มไม่อั้น หลังจากพบว่าที่ผ่านมามีลูกค้าหอบหิ้วลูกเทพมารับประทานอาหารกันเป็นจำนวนมาก
ยิ่งด่ายิ่งดัง
ปฏิเสธไม่ได้ว่า พฤติกรรม "พาน้องไปเที่ยว" สร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้ที่พบเห็นอย่างยิ่ง
อุ้มพาไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า หาซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆในร้านเครื่องแต่งกายสำหรับเด็ก เข้าร้านอาหารพร้อมตักแบ่งใส่จานราวกับเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะ พาไปสระผมในร้านเสริมสวย ขึ้นรถไฟฟ้าจนผู้โดยสารคนอื่นต้องลุกให้นั่งเพราะคิดว่าเป็นเด็ก แม้กระทั่งใส่รถเข็นเดินเล่นในสวนสาธารณะ ปรนนิบัติราวกับตุ๊กตาตัวนั้นมีชีวิตจิตใจ
ในฐานะผู้เลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพ คิงส์บอกอย่างอารมณ์ดีว่า พฤติกรรมดังกล่าวไม่ต่างจากเด็กเห่อของเล่นใหม่
"เหมือนคุณซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ ก็อยากพกไปอวดคนอื่นด้วยความภาคภูมิใจ แต่บางครั้งก็ยอมรับนะว่ามันเยอะเกิน เช่น ไปร้านสุกี้แล้วต้องให้พนักงานจัดเก้าอี้เด็ก หาจานชามช้อนส้อม ตักให้กินเหมือนคน โอเค เข้าใจว่าเป็นความสุขส่วนตัว แต่บางทีเขากำลังทำให้ลูกเทพเป็นกุมารทอง ให้กินข้าวกินน้ำ เอาของไปเซ่นไหว้ มันไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น"
เขาบอกว่า ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล อะไรที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนใครก็ทำไปเถอะ แต่ถ้าเยอะ ไปละเมิดคนอื่น ก็ต้องยอมรับคำตำหนิ
"กระแสคนด่าตุ๊กตาลูกเทพไม่กระทบยอดขายเลยครับ ยิ่งด่ายิ่งดังด้วยซ้ำ ยิ่งคนพูดถึงคนก็ยิ่งให้ความสนใจเยอะ อย่างวันนี้ขายได้ตั้ง 40 ตัว ย้อนกลับไปหลายเดือนก่อนตอนโดนถล่มเพจด้วยถ้อยคำหยาบคายจนต้องปิดเพจหนี คนก็ยังตามมาซื้อถึงบ้าน"
นักธุรกิจตุ๊กตาลูกเทพเงินล้านรายนี้ทิ้งท้ายว่า กระแสลูกเทพฟีเวอร์ก็เหมือนแฟชั่นที่มาแล้วก็ไป
"กระแสมันเห่อขึ้นมา เดี๋ยวก็แผ่วลง สุดท้ายก็จะเงียบ และกลับไปสู่กลุ่มคนเล่นตุ๊กตาเล็กๆเหมือนเดิม แต่ถึงกระแสจะเงียบ เราก็ยังขายตุ๊กตาเปล่าๆเหมือนเดิม คนยังซื้อไปเป็นของเล่นหรือของขวัญ โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการปลุกเสก"
สังคมคนเหงา
ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม ที่ปรึกษาโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ อธิบายว่า การเลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพสะท้อนว่าสังคมไทยเป็นสังคมของคนเหงา
"ยุคนี้เป็นสังคมของคนเหงา การปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันมันน้อยมาก ทุกคนเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์มือถือ ดูได้จากประเทศไทยเป็นอันดับสองของโลกที่เล่นไลน์มากที่สุด สูงกว่ายุโรป อเมริกาเสียอีก เล่นกันตั้งแต่เด็กยันคนแก่ เพราะไม่รู้จะคุยกับใครเลยไปคุยกับโทรศัพท์มือถือ แต่คุยโทรศัพท์มือถือมันไม่พอ จู่ๆมีตุ๊กตาลูกเทพขึ้นมา รูปร่างหน้าตาน่ารัก ทันสมัย แถมพ่วงมาด้วยความศักดิ์สิทธิ์ซึ่งตอบโจทย์เรื่องความเชื่อด้านไสยศาสตร์ของคนไทย คราวนี้เลยเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน พาไปเที่ยว กินข้าว ยิ่งแฟชั่นกำลังบูม อุ้มไปไหนก็ยิ่งเท่ คนให้ความสนใจ เลยกลายเป็นประชันขันแข่งเลี้ยงอวดกัน
นักจิตวิทยารายนี้ยืนยันว่า การเลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพไม่ถือเป็นโรคจิต เป็นเพียงอาการเห่อตามแฟชั่นเท่านั้น
"เห่อไม่นานเดี๋ยวก็เลิก วันข้างหน้าถ้ามีของใหม่ๆ พ่อเทพ แม่เทพ ก็หันไปเห่อแทน ปัญหาอยู่ตรงถ้าเห่อมากไปจะกลายเป็นหลงงมงาย ขอแนะนำว่าภาวะซึมเศร้า หงอยเหงา ว้าเหว่ ควรหันไปพูดคุย ไปปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างจะดี มีประโยชน์กว่านั่งคุยกับตุ๊กตาเยอะ"
ต้องเคารพสิทธิส่วนบุคคล
ดร.ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านศาสนวิทยา อธิบายถึงปรากฎการณ์ตุ๊กตาลูกเทพฟีเวอร์ว่า เป็นเพียงนวัตกรรมใหม่ทางไสยศาสตร์
"พื้นฐานคนไทยเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ เครื่องรางของขลังเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และจะคว้าทุกอย่างที่เป็นกระแส ซึ่งตุ๊กตาลูกเทพก็กำลังเป็นกระแสที่พีคสุดๆ แต่ยังไงก็ตามผมเชื่อว่าอีกไม่นานก็จะค่อยๆถดถอยไป เพราะกระแสนี้ไม่ค่อยได้รับการยอมรับจากสังคมวงกว้าง กระแสตุ๊กตาลูกเทพเกิดขึ้นได้โดยต้องอาศัยดาราดังมาช่วย แตกต่างจากสมัยจตุคามรามเทพเฟื่องฟู พอลุกฮือก็ลามไปทั่วทุกวงการ ทั่วประเทศ แม้แต่พระสงฆ์องค์เจ้าก็เอากับเขาด้วย ตุ๊กตาลูกเทพเป็นนวัตกรรมใหม่ทางไสยศาสตร์ พัฒนาจากตุ๊กตาไม้ ตุ๊กตาดิน มาเป็นตุ๊กตาไวนิล แต่งหน้าทาปากทันสมัย ก็คล้ายๆกับกุมารทอง รักยม ลูกกรอก พวกไสยศาสตร์การเลี้ยงผีที่อิงแอบอยู่ในศาสนาและวัฒนธรรมไทยมาเป็นร้อยๆปีนั่นแหละ"
นักศาสนาวิทยาชื่อดังระบุว่า ถ้าขุดให้ลึกลงไปมากกว่าเรื่องความเชื่อ สิ่งที่สังคมควรตระหนักคือ สิทธิมนุษยชน
"มนุษย์ทุกคนมีสิทธิขั้นพื้นฐานอยู่ 2 ประการที่ต้องยอมรับคือ สิทธิในการนับถือศาสนา หรือสิทธิในการเชื่อ และปฏิบัติตามความเชื่อเชิงศาสนา ตรงนี้ไม่เพียงแต่ต้องมีเสรีภาพ แต่ต้องมีอย่างเสมอภาคด้วย สังคมต้องให้สิทธิตรงนี้อย่างเท่าเทียมกัน ขณะเดียวกันสิทธิอีกด้านหนึ่งที่ต้องตามมาด้วยกันคือ สิทธิในการวิพากษ์วิจารณ์แสดงความคิดเห็น หมายความว่าถ้าคุณมีสิทธิที่จะเชื่ออะไรก็ตาม คนอื่นก็มีสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์ความเชื่อของคุณ ตราบที่ไม่ละเมิดกฎหมาย และไม่เป็นถ้อยคำที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง (Hate Speech)
ส่วนการอุ้มตุ๊กตาไปไหนมาไหนก็ต้องดูว่าการกระทำนั้นมันกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมดีของสังคมหรือไม่ ยกตัวอย่างถ้าคุณเข้าร้านอาหาร แล้วอยากจะพนมมือสวดมนต์เช่นเดียวกับชาวคริสต์อธิษฐานขอบคุณพระเจ้าก่อนรับประทานอาหาร หรือชาวมุสลิมสวมชุดปกปิดหน้าตา แบบนี้กระทบความรู้สึกในแง่ความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของสังคมหรือไม่ บางคนห้อยจตุคามรามเทพองค์ใหญ่โต แขวนเครื่องรางของขลังพะรุงพะรัง มันสร้างความรำคาญให้คนอื่นหรือเปล่า
เท่าที่ดูกระแสตุ๊กตาลูกเทพในขณะนี้ ผมมองว่ายังอยู่ในฐานะที่พอรับได้ อาจจะรำคาญ หลอน ตลก แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดชี้หน้าด่ากันตรงๆ ขณะเดียวกันเจ้าของร้านที่ไม่พอใจก็มีสิทธิ์ที่จะติดป้ายห้ามตุ๊กตาลูกเทพเข้ามาในร้าน เรื่องสุดท้ายที่ต้องระวังคือ คนที่ชอบเอาภาพส่วนตัวของคนอื่นมาด่าในทางเสียๆหายๆ อาจเสี่ยงต่อการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 คนที่ไปด่าเขาต่อหน้าก็อาจเจอข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้าได้"
ปรากฎการณ์ตุ๊กตาลูกเทพฟีเวอร์ นอกจากจะสะท้อนความเชื่อทางไสยศาสตร์ที่หยั่งรากฝังลึกในสังคมไทยมายาวนานแล้ว ยังสะท้อนด้วยว่า คนไทยให้ความสำคัญกับการเคารพสิทธิส่วนบุคคลระหว่างกันมากน้อยแค่ไหน
ภาพประกอบจากอินสตาแกรม @bookko , @dunkphunkorn และเฟซบุ๊ก FuckGhost ฟักโกสต์ : สมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย