ถอดทฤษฎีปั้นเพลงให้ดัง
การจะเป็นศิลปินที่โด่งดังได้ในปัจจุบัน มีหลายฝ่ายบอกว่า ง่ายกว่าสมัยก่อนมาก เนื่องจากปัจจุบันมีเทคโนโลยี
โดย...จะเรียม สำรวจ
การจะเป็นศิลปินที่โด่งดังได้ในปัจจุบัน มีหลายฝ่ายบอกว่า ง่ายกว่าสมัยก่อนมาก เนื่องจากปัจจุบันมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้ทุกอย่างง่ายขึ้น แค่เพียงอัดคลิปเสียงของตัวเอง นำไปเผยแพร่ในโลกโซเชียลมีเดีย ก็สามารถโด่งดังได้เพียงชั่วข้ามคืน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงคงมีนักร้องเกิดขึ้นวันละหลายร้อยหลายพันคน เมื่อเป็นเช่นนี้การรังสรรค์ให้เพลงโด่งดังได้ ต้องใช้ศาสตร์และศิลป์อย่างไรบ้าง
วิชย์ สุทธิถวิล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรูมิวสิค กล่าวว่า กลยุทธ์ของบริษัทที่จะทำให้เพลงหนึ่ง เพลงเป็นที่นิยมได้ ต้องมีองค์ประกอบ 3 ข้อหลัก คือข้อ 1.เพลงต้องโดนผู้ฟัง เพราะหัวใจในการทำธุรกิจเพลงอยู่ที่เพลง ดังนั้นเราจึงต้องมีนักแต่งเพลงที่ดีที่สุด ข้อ 2.ต้องหาศิลปินที่เหมาะสมกับเพลงนั้นๆ มาถ่ายทอดบทเพลงที่แต่งขึ้นมา และข้อ 3.ใช้สื่อโซเชียลมีเดีย เข้ามาช่วยในการถ่ายทอดงานเพลง เมื่อเพลงได้รับความนิยม ก็จะนำมาซึ่งการต่อยอดงานโชว์และนำมาซึ่งรายได้
นอกจากจะใช้สื่อโซเชียลมีเดียเป็นช่องทางในการถ่ายทอดงานเพลงของศิลปินแต่ละคนแล้ว การทำการตลาดผ่านรายการทีวีที่ได้รับความนิยม อย่างรายการเดอะวอยซ์ ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างรายได้ให้กับศิลปิน คนแต่งเพลง และค่ายเพลง แต่หลังจากได้ศิลปินมาจากรายการดังกล่าว ทุกอย่างก็ต้องเริ่มต้นใหม่ เนื่องจากศิลปินไม่มีเพลงเป็นของตัวเอง
ขณะเดียวกัน ผู้ฟังยังคงยึดติดกับเพลงที่ผู้เข้าประกวดนำมาร้อง เมื่อได้ออกงานโชว์ตามสถานที่ต่างๆ จึงทำให้มีความต้องการที่จะฟังเพลงที่ผู้เข้าประกวดนำมาแข่งขัน และจากค่าลิขสิทธิ์ที่ค่ายเพลงแต่ละค่ายเรียกเก็บค่อนข้างสูง ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบดังกล่าวพอสมควร
วิชย์ กล่าวต่อไปว่า การเกิดขึ้นของรายการเดอะวอยซ์ ถือเป็นเรื่องที่ดีกับวงการเพลง เพราะช่วยให้เพลงเก่าที่หลายคนอาจลืมไปแล้ว กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง จากการที่ผู้เข้าแข่งขันนำเข้ามาประกวด นอกจากนี้ยังช่วยให้เจ้าของเพลงๆ นั้น กลับมามีรายได้จากการโชว์
อย่างไรก็ดี หากมองในแง่ของการโปรโมทเพลงหนึ่งเพลงให้ได้รับความนิยมระหว่างเพลงเก่า และเพลงที่แต่งขึ้นมาใหม่ เพลงเก่าอาจทำง่ายกว่า เนื่องจากเป็นเพลงที่ได้รับความนิยมอยู่แล้วในอดีต เพียงแต่ต้องหาวิธีการนำเสนอใหม่ๆ เช่น ดนตรี การเลือกศิลปิน และการโปรโมท ซึ่งปัจจุบันการทำตลาดเพลงต้องเลือกช่องทางให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานไหนมาสร้างมาตรฐานให้กับการจัดเก็บลิขสิทธิ์เพลง ส่งผลให้ราคาการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ที่เก็บกันในปัจจุบัน เป็นการตั้งราคาแบบตามใจเจ้าของลิขสิทธิ์ ซึ่งจากปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้การทำเพลงใหม่ที่ดูเหมือนทำยากกว่าเพลงเก่า อาจมีความง่ายกว่า เพราะนอกจากจะไม่มีปัญหาในเรื่องของลิขสิทธิ์แล้ว ยังเป็นความภาคภูมิใจของตัวผู้แต่งเพลง ตัวศิลปิน และตัวเจ้าของค่าย หากเลือกองค์ประกอบได้ลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเพลงที่ดี ศิลปินที่มีความเหมาะสมกับเพลง หรือช่องทางในการโปรโมท
ขณะที่แนวทางการทำธุรกิจเพลงของบริษัทอาร์เอส ให้เป็นที่นิยมนับจากนี้ ยังคงให้ความสำคัญกับการทำเพลง เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายตลาดระดับกลาง เพราะปัจจุบันตลาดเพลงดังกล่าวได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะเพลงที่มีกลิ่นอายความเป็นลูกทุ่งนิดๆ สังเกตได้จากยอดดูเพลงดังๆ ในยูทูบที่สูงถึงเป็น ร้อยล้านวิว จากแนวโน้มความต้องการดังกล่าวงานเพลงที่อาร์เอสผลิตออกมาทำตลาดในช่วงหลังจึงเน้นไปที่เพลงป๊อปบ้านๆ ที่คนทั่วไปสามารถฟังได้
สำหรับกลยุทธ์ในการโปรโมทเพลง อาร์เอสจะทำเป็น 2 เวอร์ชั่น คือ 1.สำหรับออกรายการโทรทัศน์ และ 2.สำหรับยูทูบโดยเฉพาะ ซึ่งเหตุผลที่ทำให้อาร์เอสต้องใช้กลยุทธ์ดังกล่าว เพราะในทีวีมีกฎระเบียบกำกับในการทำมิวสิควิดีโอเพลงมากพอสมควร อีกทั้งยังมีกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเยาวชนเยอะ ดังนั้นอะไรที่แรงๆ เกินไปก็ต้องพยายามเซ็นเซอร์ตัวเอง ซึ่งต่างไปจากยูทูบที่มีความเป็นอิสระมากกว่า สามารถทำอะไรได้หลายอย่าง และสามารถเลือกดูได้ตามวิจารณญาณของผู้เข้ามาดู
ศุภชัย นิลวรรณ รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส-กลุ่มธุรกิจเพลง บริษัท อาร์เอส กล่าวว่า ค่ายอาร์สยาม ถือเป็นค่ายเพลงที่มีความแข็งแรงมาก ส่งผลให้ปัจจุบันถือเป็นค่ายเพลงที่สร้างรายได้สูงให้บริษัท ส่วนธุรกิจเพลงสตริงตอนนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงการทำงานให้กับค่ายกามิกาเซ่ ด้วยการปั้นนักร้องรุ่นใหม่ๆ ขึ้นมา ซึ่งคนที่จะเข้ามาเป็นนักร้องในค่ายกามิกาเซ่ จะไม่ใช่แค่ร้องเพลงอย่างเดียว แต่ต้องสามารถต่อยอดธุรกิจในด้านอื่นๆ ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการแสดง การเต้นรำ หรือพิธีกร
ศิลปินที่จะอยู่ค่ายกามิกาเซ่ จะมีอายุ 13-18 ปี ถือเป็นช่วงอายุที่ไม่เด็กมาก และไม่แก่เกิน เนื่องจากเด็กสมัยนี้โตเร็วมาก การปั้นเด็กอายุน้อยๆ อายุการใช้งานจะได้ยาว แต่ถ้าปั้นเด็กอายุ 18 ไม่กี่ปีเดี๋ยวก็หลุดเทรนด์ ต้องขยับไปอยู่ค่ายอื่นในบริษัท เหมือนหลายๆ คนที่ผ่านมา จากแนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าว ถือเป็นจุดแข็งของค่ายกามิกาเซ่ ที่มีความแข็งแรงของศิลปินวัยรุ่น
ศุภชัย กล่าวว่า เพลงสตริงจะมีลักษณะแตกต่างไปจากเพลงลูกทุ่งนิดหน่อย เพราะมีกลุ่มเป้าหมายคนละแบบ แต่ก็ถือเป็นแนวเพลงที่ประสบความสำเร็จ ส่งผลให้ปัจจุบันมีนักร้องอาชีพเยอะไปหมด ขณะเดียวกันตัวนักร้องสมัครเล่นก็เยอะ เห็นได้จากการทำคลิปเพลงออกมาใส่ในยูทูบแล้วได้รับความนิยมดังนั้นการทำเพลงสตริงจึงอาจเหนื่อยมากหน่อย ถ้าจะทำให้เปรี้ยงเหมือนเพลงลูกทุ่ง แต่อย่างไรก็ดี จากศักยภาพการทำงานของบริษัท และตัวศิลปินที่มีความสามารถ จึงคิดว่าคงไม่ลำบากเกินไป ถ้าจะทำให้เพลงสตริงประสบความสำเร็จเหมือนกับเพลงลูกทุ่ง
ภาพรวมทั้งหมดจะเห็นได้ว่า การจะปั้นเพลงหรือนักร้องแต่ละคนให้ดัง แม้ปัจจุบันเทคโนโลยีจะช่วยเปิดช่องของโอกาสให้สื่อสารได้มากขึ้น แต่กว่าเพลงแต่ละเพลงจะดังได้ ยังต้องทั้งเก่งและเฮง