posttoday

"บรรหาร" อดีตนายกฯคนที่ 21 ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว

23 เมษายน 2559

"บรรหาร ศิลปอาชา" อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว หลังเข้ารักษาอาการหอบหืดกำเริบ ที่รพ.ศิริราช ในวัย 83 ปี 8 เดือน

"บรรหาร ศิลปอาชา" อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว หลังเข้ารักษาอาการหอบหืดกำเริบ ที่รพ.ศิริราช ในวัย 83 ปี 8 เดือน

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา เปิดเผยผ่าน จส.100 ยืนยันว่า นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 21 และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว ในวัย 83 ปี 8 เดือน เมื่อเวลา 04.42 น. วันที่ 23 เม.ย. ที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ หลังเข้ารับการรักษาตัวเนื่องจากอาการภูมิแพ้ หอบหืด กำเริบ ที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ทางนพ.ประสิทธิ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล จะเป็นผู้แถลงข่าวอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตามทางญาติจะมีการเคลื่อนศพไปวัดเทพศิรินทร์ในวันเดียวกัน ตั้งศพที่ศาลา 14 (สุวรรณวณิชกิจ)  โดยในเวลา 17.00 น. จะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ  เวลา19.00 น. พระพิธีธรรม สวดพระอภิธรรม เป็นเวลา 3 คืน (23-25 เม.ย.) และ สวดพระอภิธรรม อีก 7 คืน (26 เม.ย.-2พ.ค.) เวลา 19.00 น.

\"บรรหาร\" อดีตนายกฯคนที่ 21 ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว

 

ประวัติ นายบรรหาร ศิลปอาชา  เกิดวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ที่จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวน 6 คนของนายเซ่งกิม และนางสายเอ็ง แซ่เบ๊ เดิมมีชื่อว่า นายเต็กเซียง แซ่เบ๊ สมรสกับคุณหญิงแจ่มใส ศิลปอาชา มีบุตร-ธิดารวม 3 คน คือ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา  น.ส.ปาริชาติ ศิลปอาชา และ นายวราวุธ ศิลปอาชา

นายบรรหารจบการศึกษาชั้นประถมที่จังหวัดสุพรรณบุรี เข้ากรุงเทพมาเรียนหนังสือชั้นมัธยมที่โรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัย แต่ต้องหยุดเรียนไป เนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง หันไปทำงานกับพี่ชาย และก่อตั้งบริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นของตัวเอง เป็นตัวแทนจำหน่ายคลอรีนให้กับการประปาส่วนภูมิภาค จนมีฐานะร่ำรวย

ต่อมาเมื่อนายบรรหารเป็นนักการเมืองแล้ว จึงเริ่มเรียนหนังสือต่อจนจบปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อ พ.ศ. 2529 และศึกษาต่อปริญญาโทนิติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน

นายบรรหาร เข้าสู่วงการเมืองจากการชักชวนของนายบุญเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ ตั้งแต่มีการก่อตั้งพรรคชาติไทยเมื่อ พ.ศ. 2517 โดยได้เป็น สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2517 และเป็นสมาชิกวุฒิสภา ในปี พ.ศ. 2518 ก่อนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อ พ.ศ. 2519 และ ได้รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาทุกสมัยที่มีการเลือกตั้ง ต่อมานายบรรหารขึ้นดำรงตำแหน่ง เลขาธิการพรรคชาติไทย ในปี พ.ศ. 2523

ตลอดเวลาที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายบรรหารได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีในหลายกระทรวง ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ (5 สิงหาคม 2529 - 3 สิงหาคม 2531) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ (4 สิงหาคม 2531 - 9 มกราคม 2533)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ (มกราคม 2533 - ธันวาคม 2533) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ (14 ธันวาคม 2533 - 23 กุมภาพันธ์ 2534) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาล พลเอกสุจินดา คราประยูร (7 เมษายน 2535 - 9 มิถุนายน 2535)

ต่อมาในปี พ.ศ. 2537 นายบรรหารได้ขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคชาติไทย และเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย และเมื่อได้มี พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2538 และมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ นายบรรหาร ศิลปอาชา ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่มีสมาชิกของพรรคได้รับเลือกตั้งจำนวนมากที่สุด ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทำให้นายบรรหารได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็น นายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ของประเทศไทย พร้อมควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อีกตำแหน่งหนึ่งระหว่างเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2538 ถึง พฤศจิกายน พ.ศ. 2539

การบริหารราชการแผ่นดินในดำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายบรรหารดำเนินไปปีเศษ เกิดความไม่ราบรื่นจึงมีการยุบสภา เมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2539 ทำให้นายบรรหารพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

นายบรรหารมีสมญานามมากมาย จากลักษณะเด่นหลายประการ เช่น มีฐานเสียงหนาแน่นอย่างที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรี มีสถานะเป็นเจ้าถิ่นจนได้สมญาว่า "มังกรสุพรรณ" หรือ "มังกรการเมือง" และเนื่องจากมีลักษณะคล้าย เติ้งเสี่ยวผิง อดีตผู้นำจีน สื่อมวลชนจึงนิยมเรียกนายบรรหารสั้น ๆ ว่า "เติ้ง" หรือ "เติ้งเสี่ยวหาร"