หลวงพ่อเกษร พระพุทธรูปลอยน้ำ

08 พฤษภาคม 2559

คนไทยในสมัยก่อน เมื่อยามมีข้าศึกศัตรูเข้ามารุกราน ก็ไม่ได้ห่วงแต่ชีวิตและทรัพย์สิน

โดย...เอกชัย จั่นทอง

คนไทยในสมัยก่อน เมื่อยามมีข้าศึกศัตรูเข้ามารุกราน ก็ไม่ได้ห่วงแต่ชีวิตและทรัพย์สิน แต่ยังห่วงสิ่งที่เคารพนับถือ อย่างพระพุทธรูปที่กราบไหว้บูชาเป็นประจำ หนีไปด้วย อีกทั้งยังนิยมแต่งเติมเสริมเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งที่เคารพนับถือนั้นให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงทำให้เกิดมี “พระพุทธรูปลอยน้ำ” ขึ้น

เรื่องของพระพุทธรูปลอยน้ำมีหลายตำนาน ตำนานหนึ่งก็คือพระพุทธรูปพี่น้อง 5 องค์ ได้แก่ หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อวัดไร่ขิง หลวงพ่อโต (วัดบางพลีใหญ่) หลวงพ่อบ้านแหลม (สมุทรสาคร) และหลวงพ่อทอง (วัดเขาตะเครา)

อีกบางตำนานก็กล่าวว่า มีพระพุทธรูปลอยน้ำที่เป็นพี่น้องกันเพียง 3 องค์ ตำนานแรกเล่าไว้ว่า หลวงพ่อบ้านแหลม หลวงพ่อโต และหลวงพ่อโสธร ตำนานถัดมาบอกว่า หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อบ้านแหลม และหลวงพ่อวัดไร่ขิง และตำนานสุดท้ายเล่าว่า หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อบ้านแหลม และหลวงพ่อทอง

แต่มีอีกตำนานได้กล่าวถึงพระพุทธรูปลอยน้ำอีกองค์ซึ่งไม่ใช่ 1 ใน 5 องค์ที่กล่าวไปข้างต้น พระพุทธรูปองค์นี้ก็คือ หลวงพ่อเกษร วัดท่าพระ มีการเล่าลือกันว่าเป็นพระพุทธรูปพี่น้องร่วมกับหลวงพ่อโสธรและหลวงพ่อบ้านแหลมที่ลอยน้ำมาพร้อมกัน 3 องค์ ประกอบด้วย หลวงพ่อบ้านแหลม หลวงพ่อเกษร และหลวงพ่อโสธร

สำหรับในประวัติของวัดท่าพระได้เล่าเรื่องราวไว้ 2 ประเด็นเหมือนกัน คือ หลวงพ่อเกษร เป็นพระพุทธรูปที่ลอยน้ำมา เมื่อครั้งยังมีลำน้ำไหลผ่านทั้งด้านทิศใต้และทิศตะวันตก และวัดยังคงตั้งอยู่บนเกาะใหญ่ ลำคลองที่พระพุทธรูปลอยมาติดอยู่และชาวบ้านได้อัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่พระวิหารวัดท่าพระ เมื่อช่วงวันขึ้น 15 เดือน 5 ถูกเรียกว่า คลองท่าพระ และบริเวณท่าน้ำที่อาราธนาพระพุทธรูปขึ้นมาประดิษฐาน เรียกกันว่า “ท่าพระ” มาจนถึงทุกวันนี้

ขณะที่ประเด็นสุดท้าย ในประวัติเล่าว่า แต่เดิมวัดตั้งอยู่บนเกาะใหญ่ และเป็นเส้นทางสัญจรของชาวเดินเรือ จึงมีความศรัทธาในการสร้างทำนุบำรุงศาสนา โดยได้ร่วมกันสร้างวัดและพระพุทธรูปเพื่อเป็นพระประธานในอุโบสถ ซึ่งก็คือหลวงพ่อเกษร

หลวงพ่อเกษร วัดท่าพระ เป็นพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดท่าพระ แขวงท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กทม. หลวงพ่อเกษรเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย เนื้อโลหะลงรักปิดทอง ขนาดหน้าตักกว้าง 40 นิ้ว ส่วนสูง 63 ฟุต ประทับนั่งขัดสมาธิราบบนอาสนะฐานสิงห์ 3 ชั้น บัวหงาย 5 ชั้น รายละเอียดของท่าน คือ วงพระพักตร์กลมมน เป็นแบบที่เรียกกันว่า “หน้าพรหม” คิ้วโค้งคม ดวงตา จมูก ปาก มีความสวยงดงาม ทั้งหมดเป็นรูปลักษณะของหลวงพ่อเกษรพอสังเขป หากอย่างทราบว่าหลวงพ่อเกษรมีลักษณะสวยงามขนาดไหนต้องไปเยี่ยมชมที่วัดคงจะเห็นภาพกว่า

นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านบางกลุ่มเรียกหลวงพ่อเกษร ว่า หลวงพ่อทิพย์เกษร เพราะเป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นมิ่งขวัญของชาวท่าพระที่เคารพนับถืออย่างมาก อีกทั้งยังเป็นที่พึ่งทางใจอย่างดี

ส่วนเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเกษร มีการเล่าลือกันมาเนิ่นนานว่า ในสมัยสงครามโลกเครื่องบินพันธมิตรมาทิ้งระเบิดแถวนี้จะเห็นชายชุดขาวยืนที่หลังคาวิหาร โบกมือปัดป้องระเบิดให้ชาวบ้านแถวท่าพระได้ปลอดภัย ส่วนชายชุดขาวนั้นชาวบ้านเล่าลือกันว่าคือเทพที่รักษาพระพุทธรูปหลวงพ่อเกษร

จากความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเกษร จึงทำให้มีผู้คนจำนวนมากต่างหลั่งไหลมากราบสักการบูชากันอย่างเนืองแน่นตลอด ที่สุดจึงเกิดเป็นงานนมัสการและปิดทองหลวงพ่อเกษร เป็นงานประจำปีที่ยิ่งใหญ่และคึกคักไปด้วยลูกศิษย์ลูกหาที่เคารพรัก ซึ่งงานประเพณีดังกล่าวจะเริ่มขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปี ตามปฏิทินไทย ทางวัดท่าพระได้สร้างเหรียญปั๊มหลวงพ่อเกษร ครั้งแรกในปี 2484 เนื่องในโอกาสที่วัดจัดงานฝังลูกนิมิตและผูกพัทธสีมา โดยสร้างขึ้นมาเพื่อแจกผู้มาร่วมงานและทำบุญจำนวน 2 หมื่นเหรียญ ซึ่งเป็นเหรียญปั๊มรูปไข่ มีหูในตัว เป็นเหรียญเนื้อทองแดง

เหรียญหลวงพ่อเกษร วัดท่าพระ ได้จัดสร้างกันมาหลายรุ่น แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือรุ่นแรก รุ่นสอง และรุ่นสาม ผู้ที่ได้บูชาเหรียญหลวงพ่อเกษร  วัดท่าพระ กล่าวถึงเล่าขานถึงพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยมและแคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตราย พ่อค้าแม่ค้ารุ่นเก่าๆ ย่านตลาดพูล ต่างบอกกันเป็นเสียงเดียวว่า “ใครมีเหรียญหลวงพ่อเกษร  วัดท่าพระ ทำมาค้าขึ้นทุกคน”

นอกจากเหรียญหลวงพ่อเกษรดังกล่าวแล้ว ทางวัดยังสร้างวัตถุมงคลเป็นรูปหล่อหลวงพ่อเกษรและผ้ายันต์หลวงพ่อเกษรด้วย มีประชาชนและลูกศิษย์จำนวนมากบูชาติดตัว และเกิดปาฏิหาริย์มากมาย ทั้งด้านเมตตามหานิยมและแคล้วคลาดปลอดภัย ทำให้ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเกษรได้รับความเคารพและล่ำลืออย่างไม่รู้จบ

ปัจจุบันวัตถุมงคลหลวงพ่อเกษร วัดท่าพระ ถือเป็นของวิเศษที่อยู่ในความสนใจและนิยมของ
นักสะสมพระเครื่องเป็นอย่างมาก และยังสามารถหาเช่าบูชาในสภาพสวยงามได้ไม่ยาก

-------------------------------------------------

หมายเหตุอ้างอิงจาก พระปริทัศน์ สยามอามูเลท

Thailand Web Stat