ทบ.ส่งทหาร-เฮลิคอปเตอร์ช่วยดับไฟป่าเขาทะลุ
ทบ.ส่งทหาร พร้อมเฮลิคอปเตอร์เข้าช่วยดับไฟป่าบนเขาทะลุ ชุมพร หลังปะทุขึ้นอีก และยังคงดูแลไฟป่าพรุที่ จ.นราธิวาส ต่อเนื่อง
ทบ.ส่งทหาร พร้อมเฮลิคอปเตอร์เข้าช่วยดับไฟป่าบนเขาทะลุ ชุมพร หลังปะทุขึ้นอีก และยังคงดูแลไฟป่าพรุที่ จ.นราธิวาส ต่อเนื่อง
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก (ทบ.) กล่าวว่า ตามที่ได้เกิดไฟป่าบริเวณภูเขาทะลุในพื้นที่ 3 ตำบล คือ ต.เขาทะลุ ต.เขาค่าย ต.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. ครอบคลุมพื้นที่บนภูเขาประมาณ 100ไร่ นั้น
ทางจังหวัดชุมพร ได้ร่วมกับกองทัพภาคที่ 4 โดย มณฑลทหารบกที่ 44, ศูนย์ไฟป่าจังหวัดชุมพร และองค์การบริหารส่วนตำบลเขาทะลุ ดำเนินการดับไฟมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันมิให้ลุกลามมายังพื้นที่ด้านล่าง ซึ่งเป็นพื้นที่ทางการเกษตรของชาวบ้าน และสามารถควบคุมไฟได้ระดับหนึ่ง
ล่าสุดในวันนี้ยังคงมีการปะทุของไฟเป็นระยะ เจ้าหน้าที่ยังคงใช้การดับไฟทั้งทางภาคพื้นดินและทางอากาศ โดยการใช้เฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บินขึ้นโปรยน้ำทางอากาศ ร่วมกับการใช้กำลังทหาร ประชาชนในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน พร้อมรถบรรทุกน้ำทำแนวกันไฟในบริเวณพื้นที่เชิงเขา นอกจากนี้ทางกองทัพภาคที่ 4 เตรียมส่งเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไปแบบ 212 มาสนับสนุนการบินโปรยน้ำดับไฟทางอากาศเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งน่าจะทำให้การควบคุมไฟครอบคลุมพื้นที่ยิ่งขึ้น โดยขณะนี้ได้มีการตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจดับไฟป่าขึ้น ณ ที่ว่าการองค์การบริหารส่วนตำบลเขาทะลุเพื่อบูรณาการการดับไฟร่วมกันทั้งภาครัฐและประชาชนในพื้นที่
ส่วนสถานการณ์ไฟป่าที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ในวันนี้ยังคงอยู่ในระดับเดิมทั้ง 2 พื้นที่ คือ บริเวณบ้านซรายอ และบ้านลูโบ๊ะซามา โดยยังมีการปะทุอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งทางจังหวัดนราธิวาส เจ้าหน้าที่ป่าไม้ หน่วยบินฝนหลวงกองบิน 46 และกองทัพภาคที่ 4 โดย หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 36, หน่วยเฉพาะกิจอโณทัย, หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 และกรมทหารราบที่ 151 ยังคงร่วมกันปฏิบัติงานต่อเนื่อง
โดยสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ในระดับหนึ่งแล้วด้วยการใช้เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไปแบบ 212 บินโปรยน้ำทางอากาศร่วมกับการใช้รถน้ำปล่อยน้ำให้ซึมลงใต้ดินในพื้นที่ที่มีการปะทุ และการใช้รถแบ็คโฮขุดทำแนวกันไฟเพื่อป้องกันไม่ให้ไฟป่าลุกลามเข้าไปในพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกรและพื้นที่ป่าสมบูรณ์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่กำลังประสานเพื่อนำรถแบ็คโฮจากหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 41 มาช่วยทำแนวกันไฟเพิ่มเติมในวันนี้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม กองทัพบกจะยังคงสนับสนุนดับไฟป่าที่ จ.นราธิวาส และ จ.ชุมพร อย่างต่อเนื่องรวมทั้งการเฝ้าระวัง และร่วมกับทุกภาคส่วนในการระวังป้องกันไม่ให้เกิดไฟป่าในพื้นที่อื่นๆ
สำหรับการเตรียมดูแลประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากวาตภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 11-15 พ.ค.ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศเตือนว่าอาจเกิดพายุฤดูร้อนในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกนั้น ทางศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ได้กำชับให้หน่วยทหารของกองทัพบกประจำพื้นที่แจ้งเตือนประชาชนให้สำรวจความแข็งแรงของสิ่งปลูกสร้าง ป้ายโฆษณาและต้นไม้ใหญ่ รวมทั้งได้เตรียมชุดช่วยเหลือประชาชนพร้อมรับสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว