ปลดพนักงานออก แต่พนักงาน...ชอบ
แนวทางการบริหารคน บางครั้งอาจจะต้องศึกษาแนวทางในการดำเนินการอย่างเป็นระบบให้ดีเสียก่อน
โดย...ดร.กฤติน กุลเพ็ง
แนวทางการบริหารคน บางครั้งอาจจะต้องศึกษาแนวทางในการดำเนินการอย่างเป็นระบบให้ดีเสียก่อน มิฉะนั้นแล้วจะเป็นการเสริมแรงให้กับพนักงานที่เป็นบุคลากรทำงานของบริษัทที่กำลังจะหาทางออกจากองค์กรอยู่แล้ว หรือไม่ก็ทำงานรองานที่ใหม่อยู่ พนักงานเหล่านี้จะมีพฤติกรรมออกไปในทางที่ไม่ค่อยยินดียินร้ายต่อองค์กรสักเท่าไร บริษัทหรือองค์กรจะทำอะไรก็ทำไป โดยไม่มีข้อคิดเห็นอะไร ไม่มีข้อโต้แย้ง ถ้ามองตามแนวคิดของ Gullup ตามแนวคิดเรื่อง Employee Engagement
พนักงานดังกล่าวที่ว่านี้จะอยู่ในกลุ่มพนักงานที่ไม่ยึดติดกับผูกพันต่อองค์กร (Not-engaged) คือพนักงานไม่มีความกระตือรือร้นในการทำงาน และไม่ตั้งใจทำงาน โดยทำงานไปเรื่อยๆ ทำไปบ่นไป แต่ไม่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กร และพนักงานที่ไม่มีความผูกพันต่อองค์กร (Actively disengaged) คือพนักงานที่ไม่มีความสุขในการทำงาน เป็นพนักงานที่ไม่มีความผูกพันต่อองค์กร ถ้ามีโอกาสพร้อมที่จะจากไปได้ทุกเมื่อ หากมีอะไรที่กระทบกระเทือนจิตใจเพียงเล็กน้อย ก็จะนำมาเป็นประเด็นที่จะเดินออกจากองค์กร
บริษัทหรือองค์กรได้ทำการวิเคราะห์พนักงานไว้บ้างบางส่วนก่อนที่จะออกมาตรการ ก็จะทำให้ได้รับประโยชน์จากส่วนนี้มากที่สุด เพราะว่าส่วนหนึ่งพนักงานทั้งสองกลุ่มที่กล่าวมาข้างต้น มีกลุ่มที่เป็นพนักงานจำนวนมากเสียส่วนใหญ่ มีถึงประมาณ 71% ขององค์กร ถ้าบริษัทตัดสินใจใช้มาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งลงไป พนักงานที่อยู่ในทั้งสองกลุ่มก็พร้อมที่จะตัดสินใจทันทีเหมือนกัน
จากที่ผู้เขียนเคยมีประสบการณ์ในการทำงานอยู่ที่องค์กรแห่งหนึ่งผู้บริหารมีนโยบายที่จะดำเนินการกับพนักงาน จึงต้องหามาตรการเพื่อเอาคนที่ไม่มีคุณภาพออก โดยวางหลักเกณฑ์ว่า กรณีที่พนักงานที่มีผลการประเมินการปฏิบัติงานที่อยู่ในระดับ D สองปีซ้อน บริษัทจะดำเนินการปลดพนักงานออกจากการเป็นพนักงาน โดยจ่ายค่าชดเชยให้ตามกฎหมาย เมื่อบริษัทได้ออกประกาศไปให้กับพนักงานทราบ พนักงานที่อยู่ในทั้งสองกลุ่มเกิดพลังเงียบขึ้นมาทันที พนักงานดังกล่าวจะพยายามให้หัวหน้าประเมินผลตัวเขาเอง ให้อยู่ในเกณฑ์ระดับ D เพื่อที่จะได้รับผลประโยชน์ตามหลักเกณฑ์ที่บริษัทได้ประกาศไป
เมื่อผู้บริหารทราบ ก็ตกใจอยู่เหมือนกันว่าพนักงานทำไมถึงมีแนวคิดลักษณะนี้ จึงได้มานั่งหาข้อมูลเพิ่มเติมกัน ก็ได้ข้อมูลที่เพิ่มเติมว่า บริษัทดังกล่าวเปลี่ยนผู้บริหารกันหลายรอบ พนักงานเกิดความไม่มั่นคงอยู่แล้ว ทำงานไปวันๆ บางคนก็ออกหางานใหม่ แต่ยังไม่ได้ ก็เลยทำงานเพื่อรองานใหม่ไปก่อน พอบริษัทได้มีมาตรการลักษณะนี้ออกไป ก็มีการประวิงเวลาที่จะออกไปอีก เพื่อที่จะต้องการได้เงินก้อนก่อนไปเป็นทุนไว้ส่วนหนึ่ง
มาตรการดังกล่าว จึงเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้บริหารองค์กรได้พิจารณาถึงมาตรการอย่างถ่องแท้ และรอบคอบเสียก่อน มิฉะนั้นบริษัทต้องมาเสียค่าใช้จ่ายแบบที่ไม่ควรจะเสียออกไป การที่จะมีหลักเกณฑ์ดังกล่าว ผู้บริหารควรจะให้ฝ่าย HR เป็นผู้ไปหาข้อมูลจากพนักงานก่อน ซึ่งอาจจะใช้การโยนหินถามทาง เพื่อที่จะได้นำข้อมูลที่ได้มาวางแผน กำหนดหลักเกณฑ์ ให้เกิดความถูกต้องกับข้อเท็จจริงยิ่งขึ้น
ปัจจัยที่ใช้วัดความสำเร็จขององค์การนั้น จะรวมไปถึงอัตราการลาออกของพนักงาน ผลผลิตที่เกิดขึ้น ยอดขาย และความพึงพอใจของลูกค้า และผลตอบแทนสู่ผู้ถือหุ้น (Total Shareholder Return) ซึ่งจะเป็นข้อสังเกตง่ายๆ ว่าถ้าองค์กรใดก็ตาม ที่พนักงานส่วนใหญ่จะไม่ค่อยตัดสินใจที่จะออกจากองค์กร เพราะว่าตัวเขาเองได้รับผลประโยชน์อยู่ และการที่เขาจะออกจากองค์กรไป ก็คิดหนักว่าที่เขาตัดสินใจออกไปนั้นมีความเสี่ยงมากน้อยขนาดไหน