"ยัดเยียดโปรโมชั่น-หยอดคำหวาน-มัดมือชก"แฉเล่ห์ดึงดูดลูกค้าของสถานเสริมความงาม
ชำแหละพฤติกรรมฮาร์ดเซลล์ของสถานเสริมความงาม...แค่โน้มน้าวหรือเข้าข่ายคุกคาม?
เรื่อง...อินทรชัย พาณิชกุล
"ขอโทษนะค๊า ขอรบกวนเวลาแป๊บนึง"
เสียงใสแจ๋ว พร้อมรอยยิ้มหวานของพนักงานในชุดยูนิฟอร์มสีสันสดใสของคลีนิคเสริมความงามบนห้างสรรพสินค้า ทำเอาหญิงสาวชะงักเท้าด้วยความลังเล ใจหนึ่งอยากเดินหนีไปให้พ้นๆ อีกใจหนึ่งโอนอ่อนผ่อนตาม
พนักงานอีก 3-4 คนกรูเข้ามาจูงแขนพาไปที่โต๊ะ เสนอโปรโมชั่นทำทรีตเมนท์หน้าฟรี อีกคนชมเปาะรัวๆว่ายังสาว ยังสวย ถ้าได้บำรุงมากกว่านี้คงเพอร์เฟค พลางยื่นข้อเสนอคอร์สประทินโฉมชุดใหญ่ สนนราคาเหยียบแสน แต่ลดให้พิเศษเหลือ 40,000 บาท ขณะที่อีกคนถามหาบัตรเครดิต เมื่อส่งให้ก็คว้าหมับ ก่อนกุลีกุจอหาเอกสารมาให้ หญิงสาวทั้งกลัว ทั้งเกรงใจ สับสนอลหม่านไปหมด สุดท้ายตัดสินใจจรดปากกาเซ็นชื่อซื้อคอร์ส ก่อนเดินออกจากร้านแบบงงๆ
นี่คือเหตุการณ์จริงของผู้หญิงหลายคนเวลาไปเดินเที่ยวห้าง แล้วเจอกับพฤติกรรมฮาร์ดเซลล์ของสถานเสริมความงาม สร้างความอึดอัดรำคาญใจเป็นอย่างยิ่ง
เดี๋ยวนี้ผู้หญิงไม่กล้าเดินห้างคนเดียว
ณัฐพร แสงน้ำไทย หญิงสาววัย 27 ปี หนึ่งในเหยื่อที่ถูกโน้มน้าวให้ซื้อสินค้าแบบไม่เต็มใจ
เธอเล่าให้ฟังว่า วันนั้นเป็นวันหยุดจึงไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าย่านงามวงศ์วาน พอขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้น 1 ก็พบกับบูทขายสินค้าของคลีนิคเสริมความงามชื่อดัง พนักงานสาวในชุดยูนิฟอร์ม 4-5 คนส่งยิ้มหวาน เข้ามารุมล้อมเชื้อเชิญให้นั่งพูดคุย
"คำที่เขาใช้บ่อยมากคือ 'ขอรบกวนเวลานิดนึงนะคะ' 'แป๊บเดียวจริงๆ' 'ช่วยลงชื่อให้หน่อยนะพี่นะ หนูได้ชื่อละ 5 บาท' ด้วยความสงสารและไม่รีบไปธุระที่ไหน จึงยอมไปนั่งที่โต๊ะ จากนั้นพนักงานคนเดิมก็เสนอให้ทำทรีตเมนท์ใบหน้าฟรี อีกคนเข้ามาชวนคุยถามว่าทำงานที่ไหน อายุเท่าไหร่ ชมตลอดเวลาว่าสาว สวย เยินยอสุดฤทธิ์ เสนอว่าจะเช็คมวลกายให้ฟรี ฉีดเลเซอร์ ให้นู่นนี่เพิ่ม อีกคนก็ถามว่าใช้บัตรเครดิตไหม ธนาคารอะไร มีโปรโมชั่นรูดฟรีไม่หักเปอร์เซนต์ มีผ่อนศูนย์เปอร์เซนต์สิบเดือนอย่างนั้นอย่างนี้ พวกนี้ใช้วิธีแย่งกันถาม แย่งกันชวนคุย รุมยื่นข้อเสนอ พูดเพราะ เอาใจใส่อย่างดี ทำให้เราไม่มีเวลาคิดตัดสินใจว่าไอ้สิ่งที่กำลังจะซื้อนั้นเราต้องการมันจริงๆหรือเปล่า เพราะเป็นคนขี้เกรงใจไม่กล้าปฏิเสธ กลัวโดนด่าด้วย สุดท้ายเสียเงินไป 25,000 บาทซื้อคอร์สอะไรบ้าอะไรก็ไม่รู้ ทั้งที่อยากแค่ลองทรีตเมนต์หน้าฟรีเท่านั้น"
ณัฐพร บอกว่า รู้สึกโกรธมากที่ซื้อสินค้าที่ตัวเองไม่ต้องการมันแม้แต่นิดเดียว เธอตัดสินใจไปทวงเงินคืน โดยให้เหตุผลว่าป่วยเป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อการทำคอร์ส
"โชคดีที่ป่วยจริงทำคอร์สไม่ได้ เลยไปทวงเงินคืน พนักงานก็อ้างนู่นอ้างนี่สุดท้ายให้เอาใบรับรองแพทย์มายืนยัน ก็เสียเวลาไปโรงพยาบาล รออีกหลายอาทิตย์ วันที่ไปเอาเงินคืนที่บริษัทยังเจอผู้หญิงอีกหลายคนมารอทวงเงินเหมือนกัน"
หญิงสาวรายนี้สารภาพว่า เดี๋ยวนี้เวลาไปเดินห้างคนเดียวจะกลัวมาก ไม่กล้าเดินผ่านบูทสถานเสริมความงาม ต้องใช้วิธีเดินอ้อม จากเป็นคนยิ้มง่าย เป็นมิตร ต้องฝืนทำหน้าดุ ไม่งั้นจะเจอรุมทึ้งอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก
สอดคล้องกับประสบการณ์ของ วิกัญดา เพียรประเสริฐ ที่บอกว่า ทุกครั้งเวลาไปห้างจะเจอพนักงานสถานเสริมความงามเหล่านี้ดักรอแทบทุกชั้น
"เดี๋ยวนี้เวลาเจอคนยืนแจกโบชัวร์ ไม่กล้าเดินผ่าน หนีเลย ทำเป็นก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ให้รู้ว่ากำลังยุ่ง แต่บางทีก็เจอเข้ามาประชิดตัว เกี่ยวแขน ยืนขวาง พอปฏิเสธก็เจอชักสีหน้าใส่ พฤติกรรมแบบนี้สร้างความรำคาญมาก เป็นการขายที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกกดดัน อึดอัด อยากให้ทางห้างจัดการอย่างเด็ดขาด ไม่งั้นคนไม่กล้ามาเดินห้างแน่"
เธอแนะนำว่า หากสาวๆคนไหนอยากใช้บริการสถานเสริมความงาม หรือสถานลดน้ำหนัก ควรศึกษาหาข้อมูลให้ดีก่อนแล้วจึงตัดสินใจเลือกด้วยตัวเอง ดีกว่าถูกหว่านล้อมให้ซื้อในสิ่งที่ไม่อยากได้
"ใจดี-ขี้เกรงใจ" เหยื่อโอชะของนักล่าคอมมิชชั่น
จากคำบอกเล่าของ หนูนา อดีตพนักงานประจำคลีนิคเสริมความงามชื่อดัง สะท้อนให้เห็นกลยุทธ์การขายอันเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม ชั้นเชิง ลูกล่อลูกชน
"ตอนนั้นสมัครเป็นพีอาร์ เงินเดือน 9,000 บาท ไม่รวมค่าคอมมิชชั่น ขายมากก็ได้มาก ที่นั่นรับคนหน้าตาดี บุคลิกดี ผิวพรรณดี พูดจาฉะฉาน มีมนุษย์สัมพันธ์เยี่ยม พูดง่ายๆคือ ฉอเลาะเก่ง ตื๊อเก่ง ชอบเจ๊าะแจ๊ะ ทุกคนต้องเข้าอบรมวิธีการขาย เทคนิคการเรียกลูกค้า คล้ายๆกับจิตวิทยาการโน้มน้าวชักจูงให้คนมาซื้อของ พอผ่านก็ทำงานอาทิตย์ละ 6 วัน เหนื่อยมาก ทุกคนเหมือนถูกฝังหัวว่าต้องทำยอดให้ได้มากๆ วันๆคุยกันแต่เรื่องยอด โดยไม่สนวิธีการว่าจะได้มายังไง แข่งกันเรียกลูกค้า หิวกระหายเหมือนสัตว์จ้องตะครุบเหยื่้อ
วิธีเลือกลูกค้าจะเน้นผู้หญิงที่มาคนเดียว ดูเรียบร้อย เป็นมิตร ก็เข้าไปพูดเพราะๆ ชมเยอะๆ เอาใจเยอะๆ เจ๊าะแจ๊ะไปเรื่อย เสนอให้ทำนู่นนี่ฟรี ลด แจก แถมไม่อั้น ร้อยทั้งร้อยหลงเชื่อรูดบัตรซื้อคอร์สเป็นหมื่นๆ แต่ถ้าคนไหนหน้าดุๆ โหดๆ ดูแล้วไม่เป็นมิตร เสี่ยงโดนด่า แต่จริงๆแล้วไม่ค่อยแคร์กันหรอก วันหนึ่งเจอคนเป็นร้อย ด้านได้อายอด ฟลุ๊คๆได้มาคนนึงก็สบายแล้ว"
เอาตัวรอดยังไงเมื่อถูกตื้อไม่เลิก
คำถามที่หลายคนอยากรู้คือ พฤติกรรมการขายแบบฮาร์ดเซลล์ในลักษณะนี้เข้าข่ายเป็นการคุกคามหรือไม่ มีความผิดตามกฎหมายไหม และหากตกอยู่ในสถานการณ์อันยากลำบาก ควรเอาตัวรอดอย่างไร
วิรัช หวังปิติพาณิชย์ ทนายความชื่อดัง เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก www.Facebook.com/tanaiwiratdotcom บอกว่า พฤติกรรมการรุมทึ้ง หว่านล้อม โน้มน้าวชักจูงที่สร้างความรำคาญนั้นไม่มีความผิดตามกฎหมาย แต่หากมีการดึงบัตรเครดิตไปยึดไว้ไม่ยอมคืน แบบนี้เข้าข่ายข่มขู่ ทั้งนี้ต้องดูเจตนาเป็นรายกรณีไป
"หากตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ควรปฏิเสธและแจ้งว่าไม่สนใจ กรณีพนักงานขายยังคงจะตามตื้อก็คงต้องร้องเรียนเจ้าของพื้นที่ เช่น ถ้าอยู่ในห้างสรรพสินค้าก็ร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่คนนี้ หรือร้านนี้ สร้างความรำคาญ และถ้าสุดท้ายไม่สามารถดำเนินการได้ให้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจในพื้นที่ ส่วนคนที่เผลอซื้อคอร์สไปแล้ว ส่วนใหญ่การซื้อคอร์สลักษณะนี้เป็นการซื้อโดยใช้บัตรเครดิต สามารถแจ้งปฏิเสธการบริการได้ภายใน 45 วัน ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาเรื่องให้ธุรกิจบัตรเครดิตเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ.2542 สุดท้ายขอแนะนำสาวๆที่ไม่อยากตกเป็นเหยื่อว่า อย่าพูดคุยกับพนักงานขายลักษณะนี้ ไม่แสดงบัตรเครดิตเมื่อถูกร้องขอการปฎิเสธต้องเด็ดขาด และเดินออกมาทันที หากมีการติดตามก็ให้แจ้งทางห้างสรรพสินค้า และถ้ามีแนวโน้มว่าถูกคุกคามตามตื้อสามารถแจ้งตำรวจได้"
จัดระเบียบสถานเสริมความงาม
ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ระบุว่า สถิติเรื่องร้องเรียนกรณีได้รับความเสียหายจากการใช้บริการสถานเสริมความงามและศัลยกรรมเสริมความงาม ตั้งแต่วันที่ 2ก.ย.2556- 30 ต.ค.2558 รวมทั้งสิ้น 514 ราย แบ่งเป็น ปี 2556 1 ราย ปี 2557 158 ราย และปี 2558 355 ราย
พิฆเนศ ต๊ะปวง รองเลขาธิการสคบ. เปิดเผยว่า ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สถิติร้องเรียนพุ่งสูงขึ้นเป็นเท่าตัว ปัญหาหลักหนีไม่พ้นการไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามสัญญาและที่โฆษณา การให้บริการไม่มีคุณภาพ รวมถึงพฤติกรรมการขายที่สร้างความรำคาญ หรือหว่านล้อมให้เข้าทำสัญญาโดยไม่เป็นธรรม
"การทำสัญญาที่ไม่เป็นธรรมในที่นี้อาจไม่ถึงขนาดเป็นเหตุให้ยกเลิกสัญญาได้ เนื่องจากผู้ร้องเรียนเซ็นยินยอม แม้เป็นการยินยอมอย่างไม่เต็มใจ ดังนั้นสัญญาดังกล่าวจึงสมบูรณ์ สำหรับการดำเนินการของ สคบ. จะให้ผู้ประกอบธุรกิจชี้แจงพร้อมเจรจาไกล่เกลี่ยกับผู้บริโภค แต่เวลานัดผู้ประกอบธุรกิจกับผู้บริโภคมาเจรจาไกล่เกลี่ย ฝ่ายแรกมักอ้างว่าถ้าไม่อยากทำจะเซ็นสัญญาทำไม ฝ่ายหลังก็โวยว่าเซ็นสัญญาเพราะโดนหว่านล้อม ชักจูง ดังนั้นผู้บริโภคส่วนใหญ่จึงจะได้เงินคืนแบบไม่ครบจำนวน แถมกว่าจะได้คืนก็ยุ่งยากมาก เช่น ต้องฟ้องร้องดำเนินคดีเพื่อให้ศาลตัดสินก่อนซึ่งต้องใช้เวลาหลายปี
คำแนะนำฝากไปยังผู้บริโภคคือ ต้องใจแข็ง อย่าไปเซ็นสัญญาเด็ดขาดไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม ทั้งนี้รวมถึงสลิปบัตรเครดิตด้วย แล้วคุณจะปลอดภัย ถ้าเขาให้ทดลองฟรี อยากทำก็ทำไป แต่อย่าเซ็น เพราะถ้าเผลอเซ็นสัญญาไปก็จะมีข้อผูกมัดทางกฎหมายทันที ส่วนคนที่เต็มใจจะทำก็ควรอ่านสัญญาให้รอบคอบถี่ถ้วนก่อน"
รองเลขาธิการสคบ. ทิ้งท้ายว่า ที่ผ่านมา สคบ.ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจสถานเสริมความงามว่ามีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องหรือไม่ อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์ได้คุณภาพหรือเปล่า รวมทั้งพฤติกรรมการขายว่ามีการเอาเปรียบผู้บริโภคไหม แล้วนำข้อมูลเหล่านั้นมาดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งทางอาญาและทางแพ่งพร้อมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชนต่อไป
"การจัดระเบียบสถานเสริมความงาม ทางห้างสรรพสินค้าซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ต้องให้ความร่วมมือด้วย หากพฤติกรรมการเสนอขายโดยเรียกลูกค้าของสถานเสริมความงามรายใดสร้างความเดือดร้อนรำคาญทำให้ลูกค้ากลัว อึดอึด ไม่อยากมาเดินห้าง ห้างสรรพสินค้านั้นก็จะเสียชื่อเสียง ดังนั้นจึงควรตักเตือนและลงโทษอย่างจริงจัง"
ประโยคที่ว่า 'เดี๋ยวนี้ผู้หญิงไม่ค่อยกล้าเดินห้างคนเดียวแล้ว' ฟังแล้วดูเหมือนเว่อร์ แต่หลายคนยืนยันเป็นเสียงเดียวว่า พฤติกรรมการขายแบบคุกคามตามตื้อไม่เลิก รุมล้อม ดักหน้าดักหลัง ก็สร้างความอึดอัดใจเป็นอย่างยิ่ง พานให้หมดอารมณ์เดินเที่ยวห้าง อยากกลับบ้านเอาเสียดื้อๆ ถึงเวลาแล้วที่ต้องจัดระเบียบกันเสียที
หมายเหตุ- หลากหลายเสียงบ่นในโลกออนไลน์
จากใจลูกค้า เรียนพนักงานคลีนิคเสริมความงามทุกท่าน http://pantip.com/topic/30917267
เรื่องที่แสนเบื่อเวลาเข้าคลีนิคเสริมความงามต่างๆ มาแชร์กันค่ะ http://pantip.com/topic/30697716
สถาบันเสริมความงาม ใช้วิธี Hard Sell ได้ผลจริงหรือ? http://pantip.com/topic/33269238
ใครเคยเจอพนักงานของสถาบันเสริมความงามคุกคาม ดึงแขน พูดจาประชดประชัน พยายามยัดเยียดคอร์สต่างๆบ้างคะ http://pantip.com/topic/33337729