ชูภูทับเบิกโมเดล ลุยรื้อรีสอร์ทรุกแม่วงก์
หลังจากที่จนท.เข้าตรวจยึด 11 รีสอร์ทหรูบุกรุกพื้นที่ป่าไม้เขตอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา งขณะนี้อยู่ในการรวบรวมหลักฐานดำเนินการฟ้องศาลให้รื้อถอนออกจากอุทยานฯ แม่วงก์ทั้งหมด
โดย...ทีมข่าวภูมิภาคโพสต์ทูเดย์
หลังหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นว.5 (ยอดห้วยแก้ว) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้สนธิกำลังกับฝ่ายทหารมณฑลทหารบกที่ 31 ค่ายจิรประวัติ ตำรวจ ภ.จว.นครสวรรค์ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เข้าตรวจยึด 11 รีสอร์ทหรูบุกรุกพื้นที่ป่าไม้เขตอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ในพื้นที่หมู่ 24 ต.แม่เล่ย์ อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้อยู่ในการรวบรวมหลักฐานดำเนินการฟ้องศาลให้รื้อถอนออกจากอุทยานฯ แม่วงก์ทั้งหมด
พินิจ หล้าอยู่ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นว.5 (ยอดห้วยแก้ว) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการฟ้องศาล คาดว่าจะใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปี หลังจากศาลพิพากษาตัดสินให้ผู้ประกอบการรีสอร์ทและบ้านพักตากอากาศเข้าดำเนินการรื้อถอนเอง แต่หากยังไม่ยอมเข้ารื้อถอนเองทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ก็จะใช้ “โมเดลภูทับเบิก” จ.เพชรบูรณ์ เป็นแนวทางการดำเนินการรื้อถอนรีสอร์ทและบ้านพักตากอากาศจำนวน 11 แห่งที่บุกรุกอุทยานฯ แม่วงก์ ประกอบด้วย ริมนาการ์เดนท์โฮม บ้านภูน้ำริน พีพี แอนด์ วีเรวา ลานน้ำใส ต้นน้ำเรวา เกาะใหญ่โฮมสเตย์ บ้านสวนริมธาร เฟรนเฮาส์ ภูเคียงน้ำ เรวาริเวอร์วิลล์ และบ้านเยาวลักษณ์ ซึ่งเป็นรีสอร์ทที่เข้ามาปลูกสร้างมานานกว่า 10 ปี
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าเข้าตรวจสอบรีสอร์ทและบ้านพักตากอากาศหรูแต่ละแห่ง เจ้าของต่างปิดการดำเนินกิจการหนีทำให้เจ้าหน้าที่ไม่พบเจ้าของกิจการที่แท้จริง พบแต่มีการบุกรุกตามหลักฐานที่ดินอุทยานแห่งชาติแม่วงก์แจ้งมาจึงสั่งยึดอายัดรีสอร์ทและบ้านพักตากอากาศไว้ทั้งหมด จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.แม่เลย์ อ.แม่วงก์ เพื่อให้ดำเนินคดีกับเจ้าของกิจการทั้งหมด
ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบเจ้าของรีสอร์ทและบ้านพักตากอากาศเบื้องต้น พบว่าเจ้าของกิจการส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนายทุนและเป็นอดีตข้าราชการในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ทั้งสิ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของรีสอร์ทและบ้านพักตากอากาศไว้เรียบร้อยแล้วในฐานกระทำความผิด พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 ข้อหาบุกรุก ยึดถือ ครอบครอง เพื่อทำประโยชน์อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต
“การลงพื้นที่ตรวจสอบที่ผ่านมาถือเป็นการเริ่มต้นเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย ซึ่งต้องแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของผู้บุกรุกทั้งหมด ส่วนการตรวจสอบพบว่าบางแห่งยังมีการดำเนินกิจการอยู่ แต่เหมือนทราบข่าวล่วงหน้าจึงหยุดกิจการชั่วคราว ขณะที่บางแห่งพบว่าปิดกิจการถาวร มีการขนย้ายข้าวของออกไปบ้างบางส่วนแล้ว หลังจากแจ้งความแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการเรียกเจ้าของกิจการทั้งหมดมาสอบปากคำในเร็วๆ นี้ ก่อนจะดำเนินการส่งฟ้องศาลต่อไป” หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นว.5 (ยอดห้วยแก้ว) กล่าว
นอกจากนี้ จากการสอบถามชาวบ้าน ต.แม่เล่ย์ อ.แม่วงก์ ทราบว่าเมื่อสมัยก่อนชาวบ้านท้องถิ่นที่อาศัยอยู่บริเวณอุทยานฯ แม่วงก์ ส่วนใหญ่จะมีอาชีพทำการเกษตรทั่วไป โดยอาศัยชีวิตท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์พร้อมกับมีอาชีพเสริมเก็บของป่าไปขายหารายได้จุนเจือครอบครัวหลังว่างเว้นจากการทำการเกษตร จนกระทั่งมีการส่งเสริมการท่องเที่ยว มีถนนลาดยาง สร้างความเจริญเข้ามาในพื้นที่ทำให้มีกลุ่มนายทุนเข้ามาบุกรุกพื้นที่ป่าไม้เขตอุทยานฯแม่วงก์เพื่อปลูกสร้างรีสอร์ทและบ้านตากอากาศหรูเพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก
แม้นักท่องเที่ยวในแต่ละปีจะเข้ามาเที่ยวมีจำนวนไม่มากเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติในจังหวัดอื่นๆ หรือบนภูทับเบิก ต.วังตาล อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจยึดรีสอร์ทและบ้านตากอากาศที่บุกรุกเขตป่าอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ในครั้งนี้ อาจจะมีผลกระทบบ้างบางส่วน แต่ก็ไม่ถือว่ามากมายแม้เจ้าหน้าที่จะเข้ารื้อถอนรีสอร์ทและบ้านพักตากอากาศออกไป
อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มนักท่องเที่ยวจำนวนมากยังคงนิยมเดินทางท่องเที่ยวชมความสวยงามทางธรรมชาติที่แก่งลานนกยูงและแก่งเกาะใหญ่ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวมาเช้าเย็นกลับ หากเจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการรื้อถอนรีสอร์ทและบ้านพักตากอากาศหรูจึงไม่มีผลกระทบต่อคนท้องถิ่นแต่อย่างใด เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลประโยชน์จากกลุ่มนายทุนเข้ามาสร้างรีสอร์ท และบ้านพักตากอากาศในพื้นที่อุทยานฯ แม่วงก์ครั้งนี้