"บิ๊กติ๊ก"บอกเพิ่งรู้ลูกเอาบ้านพักตั้งบริษัท
“พล.อ.ปรีชา” เผยเพิ่งรู้ว่าลูกชายเอาบ้านในค่ายไปจดทะเบียนตั้งบริษัทรับเหมางานกองทัพภาคที่ 3
“พล.อ.ปรีชา” เผยเพิ่งรู้ว่าลูกชายเอาบ้านในค่ายไปจดทะเบียนตั้งบริษัทรับเหมางานกองทัพภาคที่ 3
พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า เรื่องที่ลูกชายใช้บ้านพักในค่ายทหารจดทะเบียนตั้งบริษัทรับเหมาก่อสร้าง รับงานกองทัพภาคที่ 3 ว่า เพิ่งทราบ เพราะไม่รู้เห็น ซึ่งตอนลูกชายเอาบ้านในค่ายไปจดทะเบียนตั้งบริษัทนั้นไม่รู้จริงๆ
“ตอนนั้นเขาจัดการเอง เพราะไม่มีบ้าน มีแต่บ้านในค่าย และพร้อมให้ตรวจสอบตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องการให้มีการตรวจสอบ ผมพร้อมชี้แจงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)” พล.อ.ปรีชา กล่าว
ด้าน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวว่า เรื่องคดีลูกชายและภริยาของ พล.อ.ปรีชานั้น เมื่อมีคนมาร้อง ทางเจ้าหน้าที่ก็คงจะต้องไปตรวจสอบข้อมูล ซึ่งเป็นขั้นตอนการแสวงหาข้อเท็จจริง ส่วนระยะเวลาขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานว่ามีอะไรบ้าง เป็นขั้นตอนปกติที่ ป.ป.ช.ต้องทำ
“เรื่องนี้ไม่หนักใจ แต่ต้องทำด้วยความละเอียดรอบคอบ เพราะสังคมเฝ้ามองอยู่ ทั้งนี้ระยะเวลาในการดำเนินการคงตอบไม่ได้ ก็ดำเนินการไปตามขั้นตอน ทุกเรื่องมีความสำคัญหมด คงไม่ล่าช้า เพราะทุกเรื่อง ป.ป.ช.ก็เร่งหมด” ประธาน ป.ป.ช. กล่าว
สำหรับคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทยนั้น ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ และไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของการทำหน้าที่ของตัวกรรมการ ป.ป.ช. เพราะทุกอย่างทำตามกฎหมาย
นายนพดล หลาวทอง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ผ่านศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล ให้ยกเลิกคำสั่งมาตรา 44 ให้อำนาจกับกรมบังคับคดีในการตรวจสอบคดีโครงการรับจำนำข้าว เพราะเป็นการชี้นำให้คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง และยังเป็นการก้าวล่วงและก้าวก่ายการใช้อำนาจของศาลอีก