ดาวประจำเมือง

06 พฤศจิกายน 2559

ขณะนี้อยู่ในช่วงปลายฤดูฝน กำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาว ท้องฟ้าในช่วงเวลานี้อาจยังไม่เปิดเต็มที่

โดย...วรเชษฐ์ บุญปลอด

ขณะนี้อยู่ในช่วงปลายฤดูฝน กำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาว ท้องฟ้าในช่วงเวลานี้อาจยังไม่เปิดเต็มที่ แต่หากวันใดไม่มีเมฆฝนรบกวน เราจะเห็นดาวประจำเมืองส่องแสงสว่างเด่นสะดุดตาอยู่บนท้องฟ้าทิศตะวันตกในเวลาหัวค่ำ

ดาวประจำเมืองคือดาวศุกร์ เราเรียกดาวศุกร์ว่าดาวประจำเมืองเมื่อปรากฏบนท้องฟ้าหลังดวงอาทิตย์ตก แต่หากดาวศุกร์ย้ายไปปรากฏบนท้องฟ้าทิศตะวันออกในเวลาเช้ามืดก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น เราจะเรียกดาวศุกร์ว่าดาวประกายพรึก

ดาวศุกร์มีความสว่างมากเนื่องจากอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์และใกล้โลก ดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 2 รองจากดาวพุธ โลกอยู่ถัดจากดาวศุกร์ออกมา ดาวศุกร์จึงเป็นดาวเคราะห์ที่มีโอกาสอยู่ใกล้โลกที่สุด แต่ไม่เสมอไป เพราะโลกและดาวเคราะห์ทุกดวงต่างก็เคลื่อนที่ไปรอบดวงอาทิตย์ นอกจากนี้ เมฆที่ห่อหุ้มดาวศุกร์ก็สะท้อนแสงอาทิตย์ให้ดาวศุกร์มีความสว่างมากยิ่งขึ้นไปอีก

ดาวศุกร์ในปัจจุบันแตกต่างจากโลกมาก บรรยากาศของดาวศุกร์เต็มไปด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ แทบไม่มีไอน้ำในบรรยากาศ อุณหภูมิพื้นผิวพุ่งสูงถึง 462 องศาเซลเซียส และอาจมีการปะทุของภูเขาไฟ

งานวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้ โดยนักวิทยาศาสตร์ที่สถาบันอวกาศวิทยากอดดาร์ดขององค์การนาซ่า ซึ่งทำการจำลองภูมิอากาศในอดีตของดาวศุกร์ด้วยคอมพิวเตอร์ แบบเดียวกับการจำลองเพื่อทำนายภูมิอากาศของโลกในอนาคต พบว่าเมื่อราว 2,000 ล้านปีก่อน พื้นผิวดาวศุกร์อาจมีมหาสมุทรน้ำตื้นและมีอุณหภูมิต่ำพอที่สิ่งมีชีวิตจะอาศัยได้

ดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์หินเช่นเดียวกับโลก นักวิทยาศาสตร์คาดว่าดาวศุกร์และโลกก่อตัวขึ้นในรูปแบบคล้ายกัน แต่มีวิวัฒนาการแตกต่างกัน โครงการสำรวจดาวศุกร์ด้วยยานไพโอเนียร์ขององค์การนาซ่าเมื่อทศวรรษ 1980 ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์คาดหมายเป็นครั้งแรกว่าดาวศุกร์อาจเคยมีน้ำบนพื้นผิว

แต่การที่ดาวศุกร์อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าโลก ได้รับพลังงานจากแสงอาทิตย์มากกว่าหลายเท่า ส่งผลให้น้ำที่เคยมีระเหยไปหมด โมเลกุลของไอน้ำถูกสลายด้วยรังสีอัลตราไวโอเลต และไฮโดรเจนก็หลุดพ้นไปจากบรรยากาศของดาวศุกร์ เมื่อไม่มีน้ำบนพื้นผิว คาร์บอนไดออกไซด์ก็สะสมมากขึ้นจนกลายเป็นปรากฏการณ์เรือนกระจก

ดาวศุกร์หมุนรอบตัวเองในทิศทางตรงข้ามกับโลก ระยะเวลาหนึ่งวันบนดาวศุกร์ ซึ่งนับจากดวงอาทิตย์ขึ้นครั้งแรกถึงครั้งถัดไป ยาวนานประมาณ 117 วันของโลก (แต่เราคงไม่เห็นการขึ้น-ตกของดวงอาทิตย์ เนื่องจากเมฆอันหนาทึบ) การศึกษาดาวศุกร์ก่อนหน้านี้พบว่าอัตราการหมุนของดาวศุกร์อาจส่งผลต่อภูมิอากาศของดาว และเชื่อว่าบรรยากาศที่หนามากอย่างปัจจุบันมีส่วนทำให้ดาวศุกร์หมุนรอบตัวเองช้า

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยใหม่ๆ กลับพบว่าบรรยากาศไม่หนา หรือใกล้เคียงกับโลกก็ให้ผลลัพธ์เดียวกันได้ นั่นหมายความว่าดาวศุกร์ในอดีต ซึ่งคาดว่าอาจมีบรรยากาศคล้ายโลกก็สามารถมีอัตราการหมุนรอบตัวเองแบบช้าๆ อย่างในปัจจุบันได้

ลักษณะภูมิประเทศเป็นปัจจัยอีกอย่างหนึ่งที่ส่งผลต่อภูมิอากาศ ทีมวิจัยคาดว่าดาวศุกร์ในยุคอดีตอาจมีพื้นที่ของผืนดินมากกว่าโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณใกล้เส้นศูนย์สูตร ซึ่งจำกัดปริมาณของน้ำในมหาสมุทรที่จะระเหยขึ้นสู่บรรยากาศ ลักษณะพื้นผิวเช่นนี้ช่วยให้ดาวเคราะห์สามารถเป็นที่อยู่อาศัยได้ มีน้ำมากพอจะค้ำจุนสิ่งมีชีวิตให้ดำรงอยู่

ทีมวิจัยสร้างแบบจำลองดาวศุกร์สมัยโบราณ โดยให้ดาวศุกร์มีบรรยากาศแบบเดียวกับโลก มีอัตราการหมุนรอบตัวเองเท่ากับปัจจุบัน พวกเขาใช้ข้อมูลความสูง-ต่ำของพื้นผิวที่วัดได้จากเรดาร์บนยานแมกเจลแลนเมื่อทศวรรษ 1990 ให้พื้นที่ต่ำบนดาวศุกร์เป็นมหาสมุทร พื้นที่สูงเป็นพื้นดินแห้ง ก่อให้เกิดทวีปบนดาวศุกร์ นอกจากนี้ ยังให้ดวงอาทิตย์แผ่พลังงานต่ำกว่าปัจจุบัน ตามทฤษฎีวิวัฒนาการของดาวฤกษ์ แบบจำลองนี้แสดงว่าดาวศุกร์ในอดีตยังได้รับพลังงานมากกว่าโลกในปัจจุบันราวร้อยละ 40

การหมุนรอบตัวเองอย่างช้าๆ ทำให้ด้านกลางวันของดาวศุกร์ได้รับพลังงานจากแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานติดต่อกัน น้ำที่ระเหยขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อให้เกิดเมฆหนาพร้อมกับฝน ช่วยปกป้องพื้นผิวดาวศุกร์จากความร้อนได้เป็นอย่างดี และทำให้อุณหภูมิพื้นผิวดาวศุกร์ในสมัยโบราณอาจต่ำกว่าโลกในปัจจุบันได้เล็กน้อยอีกด้วย หากแบบจำลองนี้ถูกต้อง แสดงว่าอาจเคยมีสิ่งมีชีวิตบนดาวศุกร์ นั่นเป็นสิ่งที่เราจะต้องค้นหาต่อไปว่าจริงหรือไม่

Thailand Web Stat