เปิดตำนาน12ปี ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ

27 พฤศจิกายน 2559

“ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์” ของประเทศไทย เกิดและเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือน ส.ค. 2547

“ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์” ของประเทศไทย เกิดและเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือน ส.ค. 2547 โดยหากย้อนกลับไปในช่วงหลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ 2540 หลายฝ่ายมีความเห็นร่วมกันว่า ประเทศไทยต้องมี “ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ” ที่เป็นหน่วยงานกลางเพื่อทำหน้าที่หลัก ในการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์มาประมวลผลเป็นข้อมูลภาพรวมของประเทศ

ธนาคารโลกได้ทำการศึกษาและจัดทำรายงานเสนอต่อกระทรวงการคลังและต่อธนาคารอาคารสงเคราะห์เมื่อปี 2543 สนับสนุนให้มีการดำเนินการจัดตั้ง “ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ” (National Real Estate Information Center) โดยธนาคารโลกเสนอว่า เห็นสมควรให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์เป็นผู้ดำเนินการส่วนในแง่การบริหารและดำเนินงานให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานราชการและเอกชนจากหลากหลายแวดวงที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจมหภาคและภาคอสังหาริมทรัพย์ร่วมเป็นคณะกรรมการ

ภารกิจหลักของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์มี 5 ด้าน คือ เป็นศูนย์กลางรวบรวมและพัฒนาข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์และข้อมูลประกอบด้านอื่นๆ สำรวจวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อประเมินสถานการณ์และแนวโน้มของอสังหาริมทรัพย์ พยากรณ์อุปสงค์ อุปทาน และราคาของอสังหาริมทรัพย์ เผยแพร่และให้บริการข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ และให้บริการคำปรึกษาและพัฒนาความรู้เกี่ยวกับข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งต้องมีความถูกต้องเชื่อถือได้และทันต่อเหตุการณ์ ให้ภาครัฐนำไปกำหนดนโยบายทั้งสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เองโดยตรง และสำหรับนโยบายเศรษฐกิจมหภาคโดยรวม อีกทั้งภาคเอกชนนำข้อมูลไปใช้ประกอบในการวางแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์

สำหรับข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์แยกเป็น 2 ส่วน คือ ข้อมูลมหภาค เช่น ดัชนีราคาขาย ดัชนีราคาให้เช่า สถิติการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน สถิติการขออนุญาตก่อสร้าง สถิติการเริ่มสร้าง สถิติการขายอสังหาริมทรัพย์ และการสร้างเสร็จ ฯลฯ และข้อมูลจุลภาคที่จะเป็นปัจจัยที่ใช้ในการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์รายแปลง เช่น รายละเอียดประเภทอสังหาริมทรัพย์ ราคา ที่ตั้ง ฯลฯ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ของผู้ลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และจะเป็นประโยชน์ต่อสถาบันการเงินในการให้บริการสินเชื่อ

สัมมา กล่าวว่า ในเชิงเทคนิคแล้วก็ถือว่าศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยเป็นอันดับต้นๆ ของภูมิภาคอาเซียน จากการที่ไปสำรวจหน่วยงานด้านที่อยู่อาศัยในอาเซียน ที่มีศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเช่นนี้มีมาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย ส่วนในประเทศอื่นๆ ที่มีก็จะเป็นภาคเอกชนหรือหน่วยงานการศึกษา ซึ่งในอินโดนีเซียก็มีแนวคิดที่จะก่อตั้งศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เพราะมองว่าเป็นประโยชน์ โดยกระทรวงการเคหะและโยธาธิการของประเทศอินโดนีเซียเป็นผู้ดำเนินการ มีศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ของไทยร่วมให้ความช่วยเหลือตามกรอบของธนาคารโลก ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าธนาคารโลกก็มองศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ของไทยเป็นโมเดลแห่งความสำเร็จ

ในระดับเอเชีย มีหลายประเทศที่มีการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์แล้ว เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เป็นต้น ซึ่งญี่ปุ่นสนใจอสังหาริมทรัพย์ไทยมาก สะท้อนได้จากการที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่นมาศึกษาข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ในไทยผ่านศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์หลายครั้งแล้ว โดยสนใจในเชิงเพื่อการศึกษาและการตลาด รวมถึง เวียดนาม อังกฤษ กัมพูชาก็สนใจมาศึกษาข้อมูลในศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ของไทยเช่นกัน 

“จริงๆ ทุกประเทศมีข้อมูลธุรกรรมซื้อขายอยู่แล้ว เพียงแต่นำข้อมูลเหล่านั้นมาประมวลผลให้เห็นเป็นภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงเวลานั้นๆ โดยตั้งแต่มีศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้นในประเทศไทย ก็ยังไม่เคยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจที่มีจุดเริ่มต้นจากภาคอสังหาริมทรัพย์ดั่งเช่นวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 อีกเลย ก็ถือเป็นความภูมิใจของคนที่พัฒนาข้อมูลและบุคลากรในศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์” สัมมา กล่าว

อดีตผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ยังกล่าวอีกว่า แม้ว่าปัจจุบันผู้ประกอบการภาคที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะรายใหญ่ๆ จะพัฒนาศูนย์ข้อมูลฯ เป็นของตัวเอง แต่ภาคเอกชนแต่ละรายจะทำข้อมูลเฉพาะเจาะจงที่เกี่ยวกับธุรกิจของตัวเองเป็นหลัก ไม่ได้เก็บข้อมูลเป็นวงกว้างทั่วประเทศดั่งศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ จึงมั่นใจว่าศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ก็ยังคงมีบทบาทหลักในด้านข้อมูลที่ี่อยู่อาศัย สนับสนุนเศรษฐกิจไม่ให้ซัพพลายเข้าสู่ตลาดมากเกินไป

Thailand Web Stat