ศก.ไทยเสี่ยงภาวะชะงักงัน
แม้ว่าประเทศไทยจะเผชิญความผันผวนจากภาวะทุนไหลออกน้อยกว่าเมื่อเทียบกับหลายประเทศในภูมิภาค อีกทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ก็เพิ่งระบุว่าไทยเป็นประเทศลำดับต้นๆ ในเอเชียที่มีทุนสำรองมากพอรองรับแรงกดดันทุนไหลออก ทว่าในมุมมองของอีกหลายฝ่าย ข้อได้เปรียบดังกล่าวยังไม่เพียงพอต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวม
แม้ว่าประเทศไทยจะเผชิญความผันผวนจากภาวะทุนไหลออกน้อยกว่าเมื่อเทียบกับหลายประเทศในภูมิภาค อีกทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ก็เพิ่งระบุว่าไทยเป็นประเทศลำดับต้นๆ ในเอเชียที่มีทุนสำรองมากพอรองรับแรงกดดันทุนไหลออก ทว่าในมุมมองของอีกหลายฝ่าย ข้อได้เปรียบดังกล่าวยังไม่เพียงพอต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวม
นิตยสารข่าวเอเชียน นิกเกอิ รีวิว รายงานว่า เสถียรภาพที่เริ่มสั่นคลอนในตลาดหุ้นและอัตราแลกเปลี่ยนของไทยภายหลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเหนือความคาดหมาย ยิ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยกำลังมุ่งสู่แดนลบมากกว่าที่จะฟื้นตัว
รายงานได้อ้างถ้อยแถลงของ ปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ ว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวลงและกิจกรรมด้านบันเทิงที่ลดลงอาจกดดันเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ต่อเนื่อง หลังจากที่จีดีพีในไตรมาส 3 ขยายตัวได้ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า หรืออยู่ที่ 3.2% จาก 3.5%
หลังจากที่คนไทยผ่านช่วงบรรยากาศแห่งความโศกเศร้าทั้งประเทศมา ก็ต้องเผชิญกับผลกระทบจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่ส่งผลไปทั่วทั้งกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยในฝั่งอาเซียนนั้น ค่าเงินริงกิตมาเลเซีย และค่าเงินรูเปียห์อินโดนีเซีย ถูกเทขายไปมากที่สุด ส่วนตลาดทุนของไทยนั้นต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไป 2.93 หมื่นล้านบาท ในเดือน พ.ย. จนถึงวันอังคารที่ผ่านมา หรือสูงกว่าเดือน ต.ค.ทั้งเดือน 1.6 เท่า ขณะที่ดัชนี SET ลดลงไปราว 1.5%
พอล แม็คเคล หัวหน้าฝ่ายวิจัยอัตราแลกเปลี่ยนตลาดเกิดใหม่ของธนาคารเอชเอสบีซี ระบุในข้อความถึงลูกค้าเมื่อวันที่ 16 พ.ย. ว่า ค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงไปแตะระดับ 36.7 บาท/เหรียญสหรัฐเท่านั้น
เหตุที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงไม่มากเมื่อเทียบกับบางประเทศเพื่อนบ้านนั้น เป็นเพราะยังได้ปัจจัยหนุนจากดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลอยู่มาก และภาคการท่องเที่ยวที่ยังแข็งแกร่ง และโอกาสที่ไทยจะเกิดภาวะทุนไหลออกอย่างหนักจนฉุดค่าเงินบาทให้อ่อนลงยวบยาบนั้นก็ยังเป็นไปได้ยาก ขณะที่หุ้นไทยเองก็ยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัทที่ยังออกมาดี
อย่างไรก็ตาม เอเชียน นิกเกอิ รีวิว ระบุว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลถึง 3.61 หมื่นล้านบาท ระหว่างเดือน ม.ค.-ก.ย. หรือสูงกว่าเมื่อปีที่ผ่านมาถึง 10% และสูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์การเงินโลกในปี 2008 นั้น ในอีกแง่หนึ่งก็ยังสะท้อนด้านลบให้เห็นด้วยว่าเป็นผลมาจากการขาดดีมานด์ในประเทศ ขณะที่แนวโน้มประชากรไทยในกลุ่มวัยทำงานอายุระหว่าง 15-64 ปี ก็จะเริ่มทยอยลดลงตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป และนับตั้งแต่ปี 2024 จำนวนประชากรทั้งหมดก็จะเริ่มหดตัวลง และนำไปสู่การบริโภคภายในประเทศที่ชะงักงันในที่สุด