สั่งขึ้นบัญชีดำนักธุรกิจโกง

นายกฯ สั่งเร่งคดีทุจริตโครงการขนาดใหญ่ให้ขึ้นแบล็กลิสต์นักธุรกิจโกงไม่ให้เข้าประมูลงานรัฐ

นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานอนุกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ เปิดเผยหลังประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งให้มีการรวบรวมรายชื่อนักธุรกิจที่มีพฤติกรรมทุจริตขึ้นบัญชีดำ เพื่อไม่ให้คนเหล่านี้เข้ามาทำธุรกิจหรือประมูลงานของภาครัฐได้อีก

ขณะเดียวกันยังมีคำสั่งให้เร่งรัดคดีทุจริตที่สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศอย่างร้ายแรง เช่น โครงการบ้านเอื้ออาทร ให้มีการรายงานความคืบหน้าในการประชุมครั้งหน้า

ด้าน นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กล่าวว่า การตรวจสอบการกระทำที่ส่อทุจริตของข้าราชการตามคำสั่งมาตรา 44 ที่ผ่านมามีผู้อยู่ในข่ายกระทำผิด 353 คน ลงโทษแล้ว 81 ราย และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดไปแล้ว 11 ราย ทำให้มีข้าราชการต้องพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว 98 ราย และต้นสังกัดสอบทางวินัย 41 ราย

สำหรับการเรียกเก็บค่าเสียหายทางแพ่งจากโครงการรับจำนำข้าวอีก 80% จากฝ่ายปฏิบัตินั้น ขณะนี้มีคดีกว่า 986 คดี มีคำสั่งตั้งอนุกรรมการพิจารณาไต่สวนแล้ว 911 คดี โดยวันที่ 23 ธ.ค.จะเชิญคณะอนุกรรมการไต่สวนมาพูดคุยถึงวิธีการทำงาน เพราะในแต่ละคดีมีมูลเหตุเดียวกันและรูปแบบคล้ายคลึงกัน ทั้ง นี้เพื่อทำให้การพิจารณารวดเร็วขึ้น แต่ยืนยันว่าคณะอนุกรรมการทั้งหมดจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสำนวนคดี และเมื่อไต่สวนเสร็จแล้วจะเร่งรายงานให้กับนายกรัฐมนตรีรับทราบ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จภายใน 6 เดือน

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติให้นำ พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกมาใช้ในทุกหน่วยงานของรัฐ และหน่วยงานรัฐบาลที่จะรับการประเมินจากต่างชาติ โดยต้องเผยแพร่ข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์ 2 ภาษา เพราะ 2 ปีที่ผ่านมาหน่วยงานรัฐทำ อะไรไปมาก แต่นักลงทุนต่างประเทศไม่ทราบ โดยเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 30 วัน