JAS จุดพลุ ลดทุนรอบ 6 หุ้นดันร่วง
JAS นำหุ้นที่ซื้อคืนมาลดทุนครั้งที่ 6 นักลงทุนเก็งกำไรคึกคัก สุดท้ายหุ้นร่วงหนัก 3.49% คาดผิดหวังมิได้ถูกนำไปคำนวณใน SET50
JAS นำหุ้นที่ซื้อคืนมาลดทุนครั้งที่ 6 นักลงทุนเก็งกำไรคึกคัก สุดท้ายหุ้นร่วงหนัก 3.49% คาดผิดหวังมิได้ถูกนำไปคำนวณใน SET50
หุ้นบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ JAS ได้รับความสนใจของนักลงทุนที่เข้ามาซื้อขายตลอดทั้งวัน ส่งผลให้ปริมาณและมูลค่าการซื้อขายสูงสุดติดอันดับ 3 และอันดับ 6 ของวัน ตามลำดับ ภายหลังบริษัทแจ้งนำหุ้นซื้อคืน 1,200 ล้านหุ้น ไปลดทุนตามคาดเป็นครั้งที่ 6
นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JAS แจ้งว่า ตามที่คณะกรรมการบริษัทมีมติเกี่ยวกับการซื้อหุ้นคืนจำนวน 1,200 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 16.82% ของทุนชำระแล้วนั้น บริษัทจะทำการลดทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว โดยการตัดหุ้นจดทะเบียนที่ซื้อคืนและดำเนินการลดทุนจดทะเบียนต่อกระทรวงพาณิชย์ต่อไป
สำหรับการลดทุนของ JAS จะส่งผลให้ทุนจดทะเบียนใหม่มีจำนวน 5,940 ล้านหุ้น มูลค่าพาร์หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 2,970 ล้านบาท จากเดิมที่มีจำนวน 7,140 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท มูลค่ารวม 3,570 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) คันทรี่ กรุ๊ป ระบุว่า JAS ลดทุนจะทำให้กำไรต่อหุ้นและปันผลในอนาคตเพิ่มขึ้น ขณะที่ บล.โกลเบล็ก มองว่าการนำหุ้นที่ซื้อคืนมาลดทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้วทำให้จำนวนหุ้นลดลง 16.82% และมีผลทำให้กำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นกลับลดลง 0.30 บาท หรือลดลง 3.49% มาปิดที่ 8.30 บาท
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ธนชาต ให้แนวรับ JAS ไว้ที่ 8.30-8.45 บาท และแนวต้านไว้ที่ 8.65-8.95 บาท
โบรกเกอร์หลายแห่งวิเคราะห์ว่า ราคาหุ้น JAS มีแรงขายออกมา หลังจากไม่ได้เข้าคำนวณ SET50 รอบใหม่ อย่างที่คาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ดี JAS ได้กำหนดเวลาจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) วันที่ 14-16 ธ.ค. 2559 หลังได้ดำเนินโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงินรวมทั้งสิ้น 1,200 ล้านหุ้น คิดเป็น 16.82% มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ณ วันที่ 13 มิ.ย. 2559 ซึ่งเป็นวันที่ดำเนินการซื้อหุ้นคืนเสร็จสิ้น บริษัทมีหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดเท่ากับ 7,133.5 ล้านหุ้น
ทั้งนี้ หากพ้นกำหนดระยะเวลาจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนดังกล่าวแล้ว ในกรณีที่ไม่สามารถจำหน่าย หรือจำหน่ายไม่หมด บริษัทจะลดทุนที่ชำระแล้วโดยวิธีตัดหุ้นจดทะเบียนที่ซื้อคืนและยังไม่ได้จำหน่ายทั้งหมด ซึ่งเป็นไปตามกฎระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด